แฉอีกรับน้องขั้นจุดขนเพชรน้ำมันมวยราด

แฉอีกรับน้องขั้นจุดขนเพชรน้ำมันมวยราด

แฉอีกรับน้องขั้นจุดขนเพชรน้ำมันมวยราด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ปกครองระบุบุตรชายถูกทำทารุณขั้นให้ใช้ปืนยิงตัว ไม่ยอมทำสเปรย์พ่นไฟแช็คจุดเผาขนเพชร น้ำมันมวยราดอวัยวะเพศ ด้าน สกอ. ระบุอยู่หว่างประมวลข้อมูลเข้าด้วยกัน อาจเอาผิดไปถึงสถาบัน ขณะที่ กก.อุเทนฯ มึนรุ่นพี่-รุ่นน้องเล่าเรื่องราวไม่ตรงกัน เตรียมขอตำรวจช่วยสอบ ศิษย์เก่าประชุมร่วมกัน10มิ.ย.นี้

(9มิ.ย.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แถลงข่าว กรณีการรับน้องของรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ว่า ได้มีบรรดาผู้ปกครองและนักศึกษาปี 1 จากสถาบันแห่งนี้เข้ามาร้องเรียนที่มูลนิธิเป็นจำนวนมาก และรอพบคณะกรรมการจากกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะเดินทางมารับทราบข้อเท็จจริงจากผู้ปกครองและนำปัญหาต่าง ๆ ไปเสนอกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น ณ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

ต่อมาเวลา 10.30 น. คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาหรือ สกอ. ของกระทรวงศึกษาธิการมาถึง นำโดย นายสรรค์ วรอินทร์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงรับน้อง พร้อมกับคณะกรรมการอีก 5 คน เดินทางมาถึงและเข้าพบนางปวีณาพร้อมกับรับฟังความเดือดร้อนจากการรับน้องของบรรดารุ่นพี่จาก เบื้องต้นนายสรรค์ขอเวลาพูดคุยกับผู้เสียหายเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับบรรดานักศึกษาเหล่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า บรรดานักศึกษาที่เป็นเหยื่อรับน้องโหดของรุ่นพี่เกือบทุกคนอยู่ในอาการหวาดกลัว เพราะกลัวจะถูกรุ่นพี่ตามคิดบัญชีภายหลังจนไม่กล้าจะเปิดตัวให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับผู้สื่อข่าว บางรายไม่ยอมปรากฏตัว ได้แต่ให้ผู้ปกครองเดินทางมาร้องต่อนางปวีณาแทน

มารดาของนักศึกษาคนหนึ่งที่เข้าร้องเรียน เปิดเผยว่า บุตรชายตนถูกบังคับให้ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนแต่บุตรชายตนไม่ยอม จึงถูกบังคับให้ยิงตัวเอง แต่ก็ไม่ยอมยิงอีก รุ่นพี่จึงรุมซ้อมบริเวณช่วงหน้าอก จนเป็นรอยเขียวช้ำ เท่านั้นยังไม่พอยังสั่งให้บุตรชายตนและเพื่อน ๆ รวมสี่คนถอดกางเกงแล้วใช้สีสเปรย์พ่นจากนั้นนำไฟแช๊คเผาขนเพชรบริเวณอวัยวะเพศจนหมด ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีร่องรอยแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด

นักศึกษาอีกคนหนึ่ง เปิดเผยว่า การรับน้องของรุ่นพี่เป็นการบังคับ รุ่นน้องไม่สามารถปฏิเสธ สั่งอย่างไรก็ต้องทำ ตอนที่ตนอยู่มีอาการหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าในแต่ละวันจะโดนอะไรบ้าง ของตนจะโดนกินพริก กระเทียม หอมแดง กระชาย มะระขี้นก วาซาบิ และโดนทุบหน้าอก แต่เพื่อน ๆ บางคนโดนหนักกว่า บ้างครั้งก็โดนซ้อม จนทุกวันนี้มีเพื่อน ๆ ที่เข้ามารุ่นเดียวกันลาออกไปเกือบหมดแล้วจาก 178 คนเหลือเพียง 50 คน เท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงลาออกเกือบหมด

นักศึกษาคนดังกล่าว กล่าวอีกว่า หลังจากที่คณะกรรมการสอบสวน ทางคณะกรรมการบอกว่าจะหาที่เรียนให้ใหม่ ซึ่งดีใจมากที่รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้มีเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่ยังไม่กล้าออกมาตีแผ่เพราะกลัวรุ่นพี่ไล่ตามมาทำร้ายยังหาที่เรียนไม่ได้ ก็อยากให้รัฐบาลนำเรื่องนี้ไปพิจารณาหาทางช่วยเหลือด้วย

นายสรรค์ วรอินทร์ ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า จะมาหาข้อมูลสอบสวนเพิ่มเติมจากนักศึกษาที่ตกเป็นเหยื่อ เพื่อหาทางแก้ไข และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่จะไม่พุ่งไปที่การกระทำผิดของรุ่นพี่ฝ่ายเดียวแต่จะเชื่อมโยงไปถึงทางสถาบันอีกด้วย ซึ่งจะตรวจสอบผู้บริหารสถาบันอีกด้วย หากสถาบันนี้ขาดกฎระเบียบข้อใดข้อหนึ่ง ก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครอบคลุม มีสิทธิ์โดนคาดโทษกับผู้บริหารด้วยซึ่งยังไม่ตอบว่าอธิการจะมีผลกระทบใดๆ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ดุจพินิจของรัฐมนตรีว่ากรกระทรวงศึกษาธิการที่จะเอาผิด

กก.สอบอุเทนฯรับน้องโหดมึนรุ่นพี่-รุ่นน้องเล่าคนละเรื่อง-ส่งตำรวจช่วยสอบ

เมื่อเวลา 12.00 น. นายสืบพงษ์ ม่วงชู รักษาการรองอธิการบดีบริหาร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ให้สัมภาษณ์กรณีนักศึกษาและผู้ปกครองร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณา เพื่อขอลาออกจากวิทยาเขตอุเทนถวาย และประสงค์ที่จะขอเงินค่าลงทะเบียนเรียนคืนว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่มีปัญหาเรื่องการคืนเงินค่าเล่าเรียนที่ได้ลงทะเบียนเรียนไปแล้ว โดยได้แจ้งกับผู้ปกครองไปแล้วว่า หากนำนักศึกษาย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใด ก็ขอให้แจ้งให้ทางเราทราบ และขอให้สถานศึกษานั้นติดต่อกลับมาที่วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อดูระเบียบว่าจะโอนเงินในส่วนใดไปให้สถานศึกษาแห่งใหม่ได้ ในจำนวนเท่าใด ส่วนกรณีที่นายจุรินทร์จะสั่งการใดๆ เกี่ยวกับการคืนเงินนั้น หากระบุให้คืนทั้งหมด ก็ไม่ขัดข้องพร้อมปฏิบัติตามเช่นกัน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครมาขอลาออกอย่างเป็นทางการ และขณะเดียวกันขณะนี้ก็มีคนขอมาเรียนที่อุเทนถวาย ด้วยซ้ำ

นายสืบพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น ได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.แล้ว และทราบตัวผู้กระทำผิดแล้ว แต่ทางมหาวิทยาลัยต้องการให้นักศึกษาออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยตัวเอง โดยให้แสดงตัวภายใน 1-2 วันนี้ หากไม่มีรุ่นพี่คนใดออกมาแสดงตัวรับผิดชอบ ก็จะลงโทษทั้งหมด ซึ่งก็เหมือนกรณีการลงโทษการรับน้องเมื่อปีก่อน ซึ่งไม่มีผู้ใดแสดงความรับผิดชอบก็สั่งพักการเรียน 2 ภาคเรียนติดต่อกันทั้งหมด 100 กว่าคน อย่างไรก็ตามกรณีการรับน้องในปีนี้ เท่าที่ดูก็ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงทางอาญา แต่หากเป็นการทำผิดทางวินัยนักศึกษา ก็ค่อนข้างหนัก

"ตอนนี้ทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รู้สึกปวดหัวมาก เพราะไม่รู้ว่าเรื่องไหนคือข้อเท็จจริง เนื่องจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ไปร้องทางมูลนิธิปวีณาหรือออกสื่อต่างๆ นั้นต่างกล่าวว่าถูกรุ่นพี่กระทำการรับน้องเกินกว่าเหตุ ไม่ว่าจะเป็นให้กินพริก อมกระดาษ ในจำนวนที่มาก หรือเอาน้ำมันมวยราดอวัยวะเพศ รุ่นน้องผู้หญิงถูกด่าด้วยคำพูดรุนแรง และให้น้องใช้ปืนยิงเพื่อน แต่ปืนไม่มีกระสุนนั้น รุ่นพี่จำนวนกว่า 10 คน และรุ่นน้องที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ อีกประมาณ 7 คน ที่ทางคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการสอบถามข้อเท็จจริง ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ได้กระทำการอะไรที่รุนแรงดั่งที่น้องอีกกลุ่มหนึ่งให้ข่าว แต่ก็ยอมรับว่าให้รุ่นน้องกินพริกและอมกระดาษ แต่ไม่ได้อมจนน้ำหมึกละลาย หรือกินพริกจำนวนมากๆ" นายสืบพงษ์ กล่าว

นายสืบพงษ์ กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลที่รุ่นพี่ที่กระทำผิดยอมรับสารภาพนั้น แตกต่างจากสิ่งที่เด็กกลุ่มหนึ่งกล่าวนั้น หากทางมหาวิทยาลัยไม่สามารถหาข้อยุติได้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร คาดว่าจะส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้สอบสวน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจคงมีวิธีการพูด และรู้หลักในการไต่สวนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เวลา 13.00 น. ตัวแทนศิษย์เก่าวิทยาเขตอุเทนถวาย หลายๆรุ่น จะมาร่วมประชุมกันที่วิทยาเขตอุเทนถวาย เพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาภาพพจน์ของสถาบัน

นายสมพงษ์ ชีไธสง คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มทร.ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่านักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ไปร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณา ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้วกว่า 20 คนว่า ยังยืนยันว่าขณะนี้มีเพียงนักศึกษา 2 รายเท่านั้นที่มาขอลาออกจากมหาวิทยาลัย และได้อนุมัติไปแล้ว โดยนักศึกษาแจ้งว่าหากให้เรียนที่อุเทนถวายต่อไปเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงขอย้ายไปเรียนที่มทร.ตะวันออก วิทยาเขตบางพระ และที่วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ ซึ่งนักศึกษา 2 รายนี้ไม่ใช่กลุ่มเดียวกับที่ไปร้องที่มูลนิธิปวีณาด้วย อย่างไรก็ตาม การลาออกจากการเป็นนักศึกษาจะสมบูรณ์ได้นักศึกษาต้องมายื่นหนังสือลาออก และให้ตนอนุมัติก่อนถึงจะถือว่าการลาออกสมบูรณ์ ส่วนที่ว่านักศึกษาไม่กล้ามาลาออกที่วิทยาเขตอุเทนถวาย เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าสถาบันการศึกษานี้มันน่ากลัวขนาดทำให้นักศึกษาไม่กล้ามาลาออกเลยหรือ

"ขณะนี้สังคมส่วนใหญ่หรือแม้แต่ศิษย์เก่าของอุเทนถวายมองว่าการรับน้องของอุเทนถวายเลวร้ายมาก หรือแม้แต่ข่าวที่ออกมาทุกวันก็เป็นไปในทิศทางเดียวตามที่ผู้ร้องเสนอเท่านั้น ผมอยากจะเรียกร้องสื่อมวลชนว่าหากจะเสนอข่าวอะไรก็ควรจะออกใน 2 ด้าน และสอบถามข้อเท็จจริงก่อน ไม่เช่นนั้นสังคมจะเข้าใจผิดคิดว่าอุเทนถวายรับน้องรุนแรงทั้งที่จริงแล้วเราจัดกิจกรรมที่ดี ๆมาหลายอย่าง ผมไม่รู้ว่านักศึกษาที่ออกมาร้องเรียนนั้นมีเจตนาต่อสถาบันอย่างไร แต่ถ้าเห็นว่ามีนักศึกษารุ่นพี่คนใดทำผิดจริงก็น่าจะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาสอบสวน และถ้าผิดจริงก็ให้ฝ่ายบ้านเมืองดำเนินการลงโทษ แต่การที่ไปร้องกับมูลนิธิปวีณาก็ทำได้ เพียงแต่ขอให้พูดเรื่องจริงเท่านั้น" นายสมพงษ์ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook