ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐหอมพุ่ง3.3-5% ยันให้สิทธิคนชราซื้อก่อน-โปะขาดดุลเงินคงคลัง
อย่างไรก็ตาม แม้งบประมาณปี52 จะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 2 แสนกว่าล้านบาท แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบการบริหารสภาพคล่องของรัฐบาล เนื่องจากเงินคงคลังขณะนี้อยู่ในระดับเกือบแสนล้านบาท แต่หลังจากพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 จำนวน 4 แสนล้านบาท ผ่านสภายิ่งทำให้การบริหารเงินสดมีความคล่องตัวมากขึ้น
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) คงจะทยอยกู้เงินโดยเฉพาะกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2 แสนล้านบาท จนถึงสิ้นปีงบ 52 หรือต้นเดือนต.ค.นี้ เงินคงคลังจะขึ้นไปอยู่ในระดับ 2.1-2.2 แสนล้านบาท เพียงพอในการใช้จ่ายช่วง 30 วันทำการ ในช่วงต้นปีงบ 53 ที่ยังจัดเก็บภาษีไม๏ฟฝได้มากนัก และหากจะลดวงเงินกู้ชดเชยขาดดุลเหลือ 1.5 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะไม่กระทบสภาพคล๏ฟฝอง เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเหล้า บุหรี่ และน้ำมัน ในช่วงที่ผ่านมาทำให้รัฐมีรายได้ปี52 เพิ่มกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มอีก 7 หมื่นกว่าล้านบาท ในปีงบ 53 นายสมชัยกล่าว
ส่วนจะปรับขึ้นภาษีตัวใดเพิ่มในปีหน้าขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐ แต่เห็นว่าในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวการ ปรับขึ้นภาษีตัวอื่นๆ คงทำได้ยากและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยในปี53 หากเศรษฐกิจขยายตัวตามที่คาดไว้ 2-3% น่าจะเก็บรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 1.5 ล้านล้านบาท
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสบน. กล่าวว่า หลังพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ผ่านสภาแล้ว การกู้เงินจะเริ่มได้ตั้งแต่กลางเดือนก.ค.52 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้เดิม สบน. จะกู้ในรูปแบบพันธบัตรออมทรัพย์ (บอนด์) อายุ 5 ปี จำนวน 3 หมื่นล้านบาท จะเปิดให้ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ซื้อก่อนประชาชนรายอื่น 3 วัน โดยกำหนดเพดานการซื้อไม่เกิน 2-10 ล้านบาท เพื่อกระจายให้ทั่วถึงทั้งประเทศ จากนั้นจึงจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาซื้อ ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.3% แต่หากถึงวันกำหนดออกพันธบัตรออมทรัพย์จริงดอกเบี้ยอาจเพิ่มสูงขึ้น เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยในตลาดเริ่มทยอยปรับขึ้น
ดอกเบี้ยจะเป็นขั้นบันได โดย 2 ปีแรกจะคงที่ เบื้องต้นเริ่มต้นที่ 3.3% จากนั้นจะปรับขึ้นปีละ 0.5% ไปจนถึงปีที่ 5 ซึ่งรับประกันไว้ว่าดอกเบี้ยจะสูงถึง 5% แน่นอน จะทำให้ผู้สูงอายุที่ต้องการดอกเบี้ยเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้รับผลตอบแทนที่ดี นายพงษ์ภาณุกล่าว