ทึ่งนร.ร่างแคระ ขวัญใจเพื่อนๆ

ทึ่งนร.ร่างแคระ ขวัญใจเพื่อนๆ

ทึ่งนร.ร่างแคระ ขวัญใจเพื่อนๆ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฮือฮาน.ร.แคระวัย 15 ปี เรียนอยูˆชั้นม.4 โรงเรียนพรหม พิราม จ.พิษณุโลก สูงเพียง 116 ซ.ม. หนัก 23 ก.ก. แม่เผยแรกเกิดปกติเหมือนเด็กทั่วไป กระทั่ง 9 ขวบ ร่างกายหยุดเติบโตจนกลายเป็นคนแคระ แพทย์ระบุขาดฮอร์โมน ต้องฉีดยารักษาปีละนับแสน พ่อแม่ไม่มีเงินเลยใช้วิธีกินยาแต่ก็ช่วยไม่ได้ ล่าสุด พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ทรงให้รักษาที่ร.พ.พุทธชินราช เริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้าง

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนพรหมพิราม จ.พิษณุโลก หลังทราบว่า มีเด็กนักเรียนร่างแคระเรียนอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว และเป็นขวัญใจของนักเรียนทั้งโรงเรียน ทราบว่า ชื่อนายอมรเทพ หรือท็อป ชอบทองหลาง อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.4 โดยมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันมาก สูงเพียง 116 เซนติเมตร หนัก 23 กิโลกรัม โดยเป็นขวัญใจโรงเรียน และเพื่อนนักเรียนทุกคน ตั้งแต่ ม.1-ม.6 ต่างรู้จักและแสดงความรักความเอ็นดู ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน เพื่อนๆ ต่างเรียกน้องท็อปด้วยความเอ็นดู แต่ระดับสติปัญญาและการเรียนรู้ สามารถร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ชั้นม.4 ได้ทุกอย่าง แต่น้องท็อปมีความสนใจด้านการดนตรีเป็นพิเศษ

นายอมรเทพ เปิดเผยประวัติส่วนตัวว่า เกิดวันที่ 5 ก.ย.2536 เป็นลูกชายคนเดียวของนายไพฑูรย์ ชอบทองหลาง อายุ 45 ปี และนางสุรินทร์ ชอบทองหลาง อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 บ้านคลองมาแพลบ ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เรียนชั้นป.1-ป.6 ที่โรงเรียนวัดคลองมะเกลือ เรียนชั้น ม.1-ม.3 ที่โรงเรียนคลองมะเกลือ ขณะนี้กำลังเรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนพรหมพิรามวิทยาคม

"ผมเริ่มรู้ตัวว่าร่างกายเติบโตผิดปกติเมื่ออายุประมาณ 8-9 ขวบ ขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นป.3-ป.4 พ่อและแม่พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์บอกว่าร่างกายขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต แพทย์ให้ยามากิน แต่ก็ไม่โตขึ้น และก็ไม่ได้รักษาต่อ จริงๆ แล้วก็อยากมีร่างกายที่สูงใหญ่เหมือนเพื่อนๆ เหมือนกัน" น้องท็อป กล่าว

ด้านนางสุรินทร์ ชอบทองหลาง แม่น้องท็อป กล่าวว่า ตอนแรกเกิด น้องท็อปมีน้ำหนักตัว 3.2 กิโลกรัม ช่วงเล็กๆ ก็เจริญเติบโตเหมือนเด็กปกติทั่วไป มาผิดปกติเมื่ออายุประมาณ 9 ขวบ ขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นป.3 ร่างกายไม่เจริญเติบโตเหมือนเพื่อนๆ จึงพาไปพบหมอที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์วินิจฉัยว่าร่างกายขาดฮอร์โมนเจริญเติบโต แพทย์บอกว่ามีวิธีการรักษาโดยการฉีดยาทุกเดือน ค่าใช้จ่ายประมาณปีละ 120,000 บาท และไม่รับประกันว่าจะรักษาให้เจริญเติบโตได้หรือไม่ เป็นเหมือนการทดลอง ตนและสามีตัดสินใจไม่ฉีดยา เพราะค่าใช้จ่ายสูง ครอบครัวมีอาชีพค้าขายของในหมู่บ้านไม่มีเงินมากพอ แพทย์ให้ยามากิน และกินจนหมดและไม่ได้รับการรักษาต่อ

นางสุรินทร์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จเยี่ยมและติดตามการดำเนินงาน "โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว" ที่วัดใหม่โพธิ์งาม ม.9 ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม พระองค์ทรงเมตตาให้มารักษาตัวที่โรงพยาบาล พุทธชินราช จ.พิษณุโลก โดยพาน้องท็อปมาตรวจร่างกายได้ 2 ครั้งแล้ว ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พามาตรวจเลือด แพทย์ระบุว่าร่างกายขาดฮอร์โมนทุกอย่าง โดยเฉพาะฮอร์โมน ไทรอยด์ ที่มีผลต่อระบบความคิด ถ้าไม่รักษาจะทำให้ระบบความจำเสื่อมลงไปเรื่อยๆ ขณะนี้แพทย์นัดมาตรวจเลือดทุกเดือน พร้อมให้ยาไปกินควบคู่กันไป จะตรวจอีกครั้งในวันที่ 4 ส.ค.นี้ จะรู้ว่าต้องรักษาแบบไหนต่อไป ขณะนี้เริ่มมีความหวังบ้าง

นางสุรินทร์ กล่าวอีกว่า น้องท็อปสามารถเข้าสังคมและเพื่อนๆ ทั่วไปได้ดี ไปโรงเรียนก็เข้ากับเพื่อนร่วมชั้นได้ดี สมัยชั้นประถมฯ สอบได้ที่ 1-3 ตลอด แต่ขึ้นมัธยมเกรดเริ่มตกได้แค่ 2 กว่าๆ เมื่อกลับมาบ้านชอบเล่นกับเด็กอายุ 2-3 ขวบ กีฬาที่ชอบมากที่สุดคือเปตอง และชอบเล่นดนตรี โดยชอบเล่นกลอง เคยไปสมัครเข้าชมรมดนตรี แต่ร่างกายเล็ก ครูให้เล่นฟลุต เขาเคยบอกอยากเป็นทหาร ตนก็ได้แต่บอกลูกว่า ร่างกายเราเป็นอย่างนี้คงเป็นทหารไม่ได้ ช่วงหลังๆ ชอบทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ตนให้เรียนในชั้นสามัญไปก่อน แล้วค่อยไปศึกษาต่อด้านอาชีพสายอิเล็กทรอนิกส์ในภายหลัง

นายชูชาติ อุทะโก ผอ.โรงเรียนพรหมพิรามวิทยาคม เปิดเผยว่า ตั้งแต่น้องท็อปเข้ามาเรียนชั้นม.4 สร้างสีสันให้กับโรงเรียนอย่างมาก เรียกว่าเป็นขวัญใจของโรงเรียนเลยทีเดียว สามารถเข้าเรียนและทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ นักเรียนในชั้นเดียวกันทุกอย่าง ไปสมัครเข้าวงดุริยางค์ของโรงเรียนก็สามารถร่วมวงได้ดี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook