ลุ้น! ศาลตัดสิน 9 ป.ป.ช.อยู่หรือไป ใช้อำนาจชี้มูลความผิด

ลุ้น! ศาลตัดสิน 9 ป.ป.ช.อยู่หรือไป ใช้อำนาจชี้มูลความผิด

ลุ้น! ศาลตัดสิน 9 ป.ป.ช.อยู่หรือไป ใช้อำนาจชี้มูลความผิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้กำรงตำแหน่งทางการเมือง เตรียมพิจารณา 9 ป.ป.ช. มีอำนาจหรือไม่ ชี้มูลความผิด สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ฐานละเว้นไม่เก็บเงินค่าธรรมเนียมจากการขายทอดตลาดของศาลธัญบุรี ตามที่ พท.ร้องปธ.วุฒิฯ ถ้าศาลรับฟ้อง กรรมการทั้งหมดจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิจารณาคดีที่พรรคเพื่อไทย ร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อพิจารณาความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทั้ง 9 คน ในความผิดตามกฎหมายอาญาม.157 เนื่องจากปฏิบัติหน้าทำหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง รับใช้เผด็จการและจะมีส่วนสำคัญในการทำลายระบอบประชาธิปไตย และม.20 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ม.125 โดยปฏิเสธว่าไม่ใช่การแก้แค้นหรือเอาคืนป.ป.ช.หลังชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงแก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในสมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายบัณฑิต รัชตะนันท์ อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ฐานไม่เก็บเงินค่าธรรมเนียมจากการขายทอดตลาดของศาลธัญญบุรี

ทั้งนี้ หากผลการพิจารณาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณารับฟ้องเรื่องดังกล่าวว่า ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน มีความผิดจริง ก็จะส่งผลให้ ทั้งหมดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที แต่หาก ศาลไม่รับฟ้องเรื่องดังกล่าวตามที่พรรคเพื่อไทยร้องเรียน ก็จะสามารถทำงานได้ตามปกติ

สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ร.ต.ท..เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยพร้อมส.ส.ของพรรคจำนวน 140 คน ได้เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาอีกครั้ง หลังป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงแก่ นายสมชาย เมื่อสมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายบัณฑิต ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 มาตรา 84 และมาตรา 85 ฐานไม่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของราชการ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กรณีการสั่งระงับเรื่องไม่ให้ดำเนินคดีกับนายประมาณ ตียะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี และนายมานิตย์ สุธาพร อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี กรณีศาลจังหวัดธัญบุรีได้ขายทอดตลาดที่ดิน 2 แปลงที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อปี 2542 ให้บริษัท โมเดิร์นโฮม จำกัด (มหาชน) ในราคา 897 ล้านบาท โดยผู้ซื้อได้วางเงินค่าซื้อทรัพย์ 70 ล้านบาทต่อศาล และได้ส่งเงิน 70 ล้านบาท มายังกรมบังคับคดี แต่นายมานิตย์และนายประมา ผู้ถูกกล่าวหามีคำสั่งคืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาด โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ตามกฎหมาย ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย

ร.ต.ท.เชาวริน กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่นายบัณฑิต ได้ยื่นฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช.กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ สืบเนื่องจากกรณีที่ชี้มูลความผิดนายสมชาย ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมขณะนั้นและนายบัณฑิตรองปลัดกระทรวงยุติธรรมขณะนั้น ฐานไม่เก็บเงินค่าธรรมเนียมจากการขายทอดตลาดของศาลธัญญบุรี โดยปรากฏว่าเป็นการวินิจฉัยคนละเรื่องกับที่แจ้งข้อกล่าวหา ทำให้ผู้เสียหายไม่มีโอกาสต่อสู้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อส่งต่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาเอาผิด แต่ปรากฎว่าหลังจากที่พรรคพลังประชาชนถูกยุบ ได้มีส.ส.ที่ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยถอนชื่อเป็นผลให้เรื่องตกไป

"ดังนั้นผมและนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยพร้อมส.ส.ของพรรคจำนวน 140 คน ได้เข้าชื่อเพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาอีกครั้ง ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ ตามรัฐธรรมนูญ ม.249 เพื่อให้ดำเนินการส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อพิจารณาความผิด ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ในความผิดตามกฎหมายอาญาม.157 เนื่องจากปฏิบัติหน้าทำหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง รับใช้เผด็จการและจะมีส่วนสำคัญในการทำลายระบอบประชาธิปไตย จะปล่อยไว้ไม่ได้เพราะ ปปช.ทั้ง 9 คนจะทำให้บ้านเมืองวิบัติ และม.200 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ม.125 โดยปฏิเสธว่าไม่ใช่การแก้แค้นหรือเอาคืนป.ป.ช.หลังชี้มูลความผิดนายสมชาย" ร.ต.ท.เชาวริน กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook