รมว.คลังแจงให้อำนาจคลังกู้ก่อน8แสนล้านเพื่อความมั่นใจ

รมว.คลังแจงให้อำนาจคลังกู้ก่อน8แสนล้านเพื่อความมั่นใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ชี้แจงในการอภิปราย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ในวันที่ 2 ว่า การไม่แก้กฎหมายให้ตั้งงบขาดดุลได้เพิ่มเติม เพราะกรอบกฎหมายนี้ตั้งมานาน ตั้งปริมาณเม็ดเงินขาดดุลไว้อย่างเหมาะสม รัฐบาลจึงคิดถึงการกรอบรักษาวินัยการคลัง นำไปสู่การปรับลดค่าใช้จ่ายทุกกระทรวง และจึงคิดถึงกฎหมายกู้เงินมาลงทุนเพิ่มเติม เพราะเห็นแล้วว่า เม็ดเงินลงทุนไม่เพียงพอ ส่วนงบกลางปี ให้งบน้อยกับกระทรวงสำคัญที่เก็บรายได้ เพราะ ตอนนั้นกำลังซื้อในเศรษฐกิจที่หดหายไป จึงออกนโยบายมาทดแทนกำลังซื้อของเอกชนที่หายไป คือ ผันเงินของรัฐบาลไปอยู่ในมือประชาชนเพื่อให้มีกำลังซื้อ เช่น เรียนฟรี เช็คช่วยชาติ

นายกรณ์ กล่าวว่า งบประจำปี 53 ที่บอกว่า ตั้งงบ 3 กระทรวงสำคัญน้อย เพราะ หน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมมีหน้าที่เอื้อให้เอกชนลงทุนได้ ไม่ใช่ไปลงทุนเอง และรัฐบาลที่แล้วตั้ง งบกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงท่องเที่ยว ไว้เท่ากับรัฐบาลนี้ ส่วนกระทรวงเกษตร ฯก็ตั้งมากกว่ารัฐบาลนี้นิดเดียว ส่วนเรื่องการกู้เงินที่เลือกกู้ในประเทศ เพราะสภาพคล่อนระบบ ธปท.วิเคราะห์ว่า มีอยู่ 1.7 ล้านล้านบาท แต่ภาคเอกชนเลือกที่จะไม่ใช้ เพราะไม่มีกำลัง รัฐบาลก็เลือกที่จะหยิบเม็ดเงินมาใช้เพื่อให้เศรษฐกิจเดินไปได้ ส่วนเรื่องขายพันธบัตร น่าจะประมาณ 3 หมื่นล้าน แต่ไม่มีวันจะระดมทุนทั้ง 8 แสนล้าน เพราะไม่ยุติธรรมต่อประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ ตอนนี้คนมีบัญชีเงินฝากประมาณ 50 ล้านบัญชี แต่ประมาณ ร้อยละ 90 ของเงินฝากทั้งหมดในระบบอยู่ในมือคนเพียง ร้อยละ 5 ฉะนั้นการออกพันธบัตรทั้งหมด ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยคือ คนรวยไม่กี่คน และการออกพันธบัตร ภาระดอกเบี้ยจะเริ่มทันทีตั้งแต่วันแรกที่ขายพันธบัตร แต่โครงการการลงทุนไทยเข้มแข็ง เป็นระยะ 3 ปี การเบิกจ่ายเป็นช่วงๆ จึงไม่ควรเสียดอกเบี้ยทั้งหมดตั้งแต่แรกเมื่อยังไม่ได้ใช้เงิน

นายกรณ์ กล่าวว่า เรื่องหุ้นตก ตลาดหุ้นเป็นการเก็งกำไร หมายความว่า ลงทุนแล้วเชื่อว่า อนาคตจะกำไร ณ วันที่ รัฐบาลนี้เข้ามา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 450 จุด วันนี้ขึ้นไป 600 จุด ปรับลดเล็กน้อย แสดงว่า เขาเชื่อมั่น

นายกรณ์ กล่าวว่า สมาชิกบอกว่า พ.ร.ก. รับได้ เพราะเร่งด่วนจรง แต่ขอว่า ครั้งหน้าอย่ายื่นศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนร่างพ.ร.บ.ที่สมาชิกสงสัยว่า ทำไมไม่บรรจุในพ.ร.บ.งบประมาณ ขอชี้แจงว่า จะทำได้ ต้องแก้กฎหมาย ซึ่งเสี่ยงมาก ในแง่การส่งสัญญาณว่า ประเทศเริ่มขาดวินัยการคลังแล้วหรือไม่ นอกจากนี้ โครงการลงทุนทั้งหมด ลงทุน 1.5 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ก่อนจะเริ่มลงทุน ต้องมั่นใจก่อนว่ามีเงิน จึงต้องทำแบบนี้ ส่วนเรื่องหนี้สาธารณะ รัฐบาลเป้นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่หนี้ครัวเรือน รัฐบาลเป็นห่วง รัฐบาลก่อนหน้านี้บริหารมา ปี 45-49 เพิ่มขึ้นจาก 6 หมื่นบาทถึง 1.2 แสนบาทต่อครัวเรือน จึงต้องการเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน เช่น แหล่งน้ำ รัฐบาลนี้ไม่มีความคิด แย่งโครงการจากเอกชนมาทำเอง หรือ ทำภาพโครงการสวยหรู เช่น อีลิทการ์ด ครัวไทยสู่ครัวโลก เจ๊งทั้งหมด วันนี้ต้องรับบาปจากที่รัฐบาลในอดีตเชื่อว่า เก่งกว่าเอกชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook