คนรวยบ่ยั่นศก.ทรุด-หลังละ5ล้านยอดทะลัก พิษกำลังซื้อหด-บ้านถูกขายไม่ออก

คนรวยบ่ยั่นศก.ทรุด-หลังละ5ล้านยอดทะลัก พิษกำลังซื้อหด-บ้านถูกขายไม่ออก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมโครงการ อสังหาริมทรัพย์ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มีโครงการเกิดขึ้น 16,733 หน่วย มูลค่ากว่า 62,000 ล้านบาท คาดตลอดปีจะมีโครงการเกิดขึ้นรวม 40,000 หน่วย อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 38,273 หน่วย ทำให้จะมีมูลค่ารวมตลอดปีนี้ประมาณ 150,000 ล้านบาท

สำหรับช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลงทั้งเชิงมูลค่าและปริมาณ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่าลดลง 24% ปริมาณลดลง 44% หากเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังติดลบจะทำให้ราคาบ้านยังมีแนวโน้มปรับลดลงหลังจากราคาบ้านโดยเฉลี่ยที่ออกสู่ท้องตลาดช่วง 5 เดือนแรกปีนี้มีราคา อยู่ในระดับประมาณ 3.651 ล้านบาทต่อหน่วย สูงกว่าปี51 ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2.718 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบ้านราคาค่อนข้างต่ำแทบจะไม่สามารถก่อสร้างได้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากวัสดุก่อสร้างและต้นทุนสูง โดยบ้านราคา 1-2 ล้านบาท จะมีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 3 ของตลาดรวม แต่จำหน่ายได้น้อยมากเพราะเป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้ระดับกลางถึงล่างเป็นผู้ซื้อซึ่งกำลังซื้อลดลง ขณะที่บ้านที่ขายได้ดีเป็น กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท เพราะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้สูงมีเงินออมสูงยังสามารถซื้อได้แม้เศรษฐกิจมีปัญหา

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตทแอฟแฟร์ส กล่าวว่า แม้บ้านในเขตชานเมือง เช่น บางใหญ่จะได้รับความนิยมสูงมากหลังจากการประมูลสร้างรถไฟฟ้าบางใหญ่-บางซื่อ คืบหน้าไปมาก แต่หากค่าโดยสารสูงถึง 100 บาท จะเป็นภาระต่อการเดินทางสูงถึง 200 บาท/วัน หรือต่อเดือน 5,000-6,000 บาท คิดเป็นครึ่งหนึ่งของค่าผ่อนบ้านส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อลดลงได้

สำหรับยอดขายอาคารชุดปีนี้คาดว่าภาพรวมจะมียอดขายประมาณ 20,000 หน่วยจากปีก่อนมียอดขายประมาณ 30,000 หน่วย เนื่องจากการขายอาคารชุดแถบถนนรัชดาฯ อ่อนนุช พญาไทเริ่มชะลอลง ขณะที่แถบศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เกษตรนวมินทร์ พระราม 9 และรอบเส้นทางรถไฟฟ้าออกสู่ชานเมืองจะเริ่มมียอดขายสูงขึ้น

ด้านนายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) กล่าวว่า บสก.จะรับซื้อที่ดินเปล่าจากสถาบันการเงินต่างๆ เข้ามา บริหารมากขึ้น ตั้งเป้าเพิ่มการรับซื้อที่ดินจาก 15,000 ล้านบาท ในปีนี้เป็น 50,000 ล้านบาท เนื่องจากยังพอมีเงินหมุนเวียนประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการคลังอนุญาตให้ บสก.สามารถเข้าไปซื้อทรัพย์สินที่ดินเปล่าที่อยู่ระหว่างการขายทอดตลาด ทำให้ บสก. เลือกซื้อที่ดินดังกล่าวได้ และยังช่วยลดปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในระบบ และนำที่ดินดังกล่าวมา บริหารให้เกิดประโยชน์มากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook