ปิดอุทยานพระวิหารต่อ ประเวศ เตือนระวังสงคราม ไทย - เขมร

ปิดอุทยานพระวิหารต่อ ประเวศ เตือนระวังสงคราม ไทย - เขมร

ปิดอุทยานพระวิหารต่อ ประเวศ เตือนระวังสงคราม ไทย - เขมร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอประเวศ เตือนระวังสงคราม ไทย - เขมร แนะเจรจาทางการทูต ปรับหลักสูตรประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านใหม่ทั้งหมด เลิกสอนปลุกระดม เห็นด้วยขอขึ้นทะเบียนร่วมปราสาทเขาพระวิหาร ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ อส.ปิดอุทยานพระวิหารอย่างไม่มีกำหนด

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช(อส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ขณะนี้อส.ยังคงปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากที่ได้ปิดชั่วคราวมาแล้วครั้งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา เนื่องจากยังเป็นห่วงเรื่องของความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่อาจจะกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้อส. ได้รับการร้องขอจากผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ ให้เปิดแหล่งท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาพักผ่อนในช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษา ซึ่งจะมีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ตนตัดสินใจประกาศปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารต่อไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน

"เมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้รับการร้องขอจากทางจ.ศรีสะเกษ ที่อยากให้เปิดอุทยานเขาพระวิหาร ในช่วงเทศกาลวันเข้าพรรษานี้ เพราะเห็นว่าได้ปิดท่องเที่ยวมาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์แล้ว ผมขอให้จังหวัดหาคำยืนยันจากทางทหารมารับรองเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเดิมเตรียมจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ แต่ปรากฎว่าในสัปดาห์นี้ทางคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ที่มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีทส.พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ขอให้คณะกรรมการมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ทบทวนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกในที่ประชุมที่ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 22-30 มิถุนายนนี้ ทำให้ประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ทางด่านปราสาทพระวิหารค่อนข้างตึงเครียดอีกครั้ง ดังนั้น จึงชะลอการเปิดให้บริการออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ชายแดนจะคลี่คลาย" อธิบดี อส.กล่าว

นายเกษมสันต์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดทำแผนอนุรักษ์พื้นที่และการสำรวจแหล่งโบราณสถานรอบอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารนั้น ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วร่วมกับกรมศิลปากร ซึ่งรับผิดชอบแหล่งโบราณสถานที่มีอยู่ในพื้นที่ โดยโบราณสถานส่วนใหญ่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้แล้ว และเตรียมส่งรายงานให้กับกระทรวงการต่างประเทศต่อไป

ก่อนหน้านี้ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) กล่าวเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ภายหลังเข้าร่วมประชุม กวช.ว่า ตนเห็นด้วยที่รัฐบาลแสดงจุดยืนชัดเจน กรณียื่นคัดค้านการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ต่อองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) แต่อยากแนะนำให้ระวังว่าจะเกิดเป็นสงครามระหว่างประเทศ และควรใช้วิธีแก้ปัญหาทางอื่นช่วยด้วย เช่น การเจรจาทางการทูต รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ต้องปรับหลักสูตรและวิธีการสอนประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเพื่อนบ้านไม่ว่าจะเป็นลาวหรือกัมพูชาใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างความรู้สึกดีๆ ต่อกัน เพราะที่ผ่านมาไทยสอนประวัติศาสตร์ โดยให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกเกลียดชังเพื่อนบ้านมาตลอด

ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องสอนประวัติศาสตร์โดยการปลุกระดมอีกแล้ว ซึ่งหากไทยเจรจาและสร้างความเข้าใจกับกัมพูชาได้ก็จะเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาปราสาทพระวิหารลุกลามและบานปลายไปถึงขั้นเป็นสงคราม เพราะหากกลายเป็นสงครามจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประเทศไม่ว่าจะเป็นชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ส่วนกรณีที่ไทยยื่นคัดค้านเพื่อขอขึ้นทะเบียนร่วมกับประเทศกัมพูชานั้น ตนก็เห็นด้วย เพราะมองว่าไม่มีอะไรเสียหาย ทั้ง 2 ประเทศได้ประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนร่วมกัน ที่สำคัญปัญหาทุกอย่างก็จะยุติไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook