บิ๊กจิ๋วแนะมาร์คปรับครม.ตั้งรบ.ทุกสี กลุ่ม40เล็งยื่นศาลปค.ช่วย16ส.ว เนวิน ไม่ช่วยชทพ.เลือกซ๋อม
กลุ่ม40ยื่นศาลปค.ป้อง 16ส.ว.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่รัฐสภา ว่า สัปดาห์หน้าทางกลุ่มจะยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมไปยังศาลปกครองสูงสุด กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยว่า 16 ส.ว.พ้นสภาพการเป็น ส.ว. เนื่องจากถือหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาหรือรับสัมปทานจากรัฐอันมีลักษณะผูกขาดตัดตอน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 เนื่องจากเห็นว่า 16 ส.ว.อาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการวินิจฉัยของ กกต.
นายไพบูลย์กล่าวว่า มี ส.ว.ที่ถูก กกต.วินิจฉัย แจ้งว่ารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมในการวินิจฉัยของ กกต. เพราะคณะอนุกรรมการที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวมีมติ 3 ต่อ 2 ว่าไม่ผิด แต่ กกต.กลับพิจารณาโดยรวดเร็วและตรงข้ามกับความเห็นของคณะอนุกรรมการ โดยไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มเติม อาจเป็นการรวบรัด ขาดความรอบคอบ เพราะต้องพิจารณาเป็นรายๆ แต่กลับพิจารณา 36 รายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และไม่ให้โอกาสผู้ที่เข้าข่ายชี้แจงเพิ่มเติม
อ้างกกต.ไม่ให้ความเป็นธรรรม
นายไพบูลย์กล่าวว่า ก่อนหน้าที่ กกต.จะประชุมมีมติดังกล่าวนั้น มี กกต. 2 คน ถูกนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ อาจเป็นเหตุให้ กกต. 2 คนดังกล่าวพิจารณาเรื่องการถือครองหุ้นของ ส.ว.ไปโยงกับกรณีของนายเรืองไกร อาจทำให้นายเรืองไกรมีปัญหากับ ส.ว.ด้วยกัน
นอกจากนี้ มีกรณีที่คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.และ ส.ว. ป็นกรรมการ ให้ข่าวว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ โดยยกเลิก กกต.ชุดปัจจุบัน เพื่อสรรหาใหม่ ทำให้มี กกต.คนหนึ่งออกมาแถลงข่าวตอบโต้ด้วยความไม่พอใจ จากข้อสังเกตทั้งหมด ส.ว.บางคนที่ถูก กกต.วินิจฉัยเรื่องหุ้น เห็นว่าเรื่องของตนอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก กกต. ดังนั้นกลุ่ม 40 ส.ว.จึงจะดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม นายไพบูลย์กล่าว
เผยสุเทพบอกถ้าผิดลาออกส.ส.
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงว่า นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.พรรค ปชป.หารือในที่ประชุมพรรค เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยขอแนวทางการชี้แจงข้อเท็จจริงจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรค ที่นายสุเทพ เป็น 1 ในผู้ที่ถูก กกต.ตรวจสอบเรื่องการถือหุ้นด้วย จึงขอให้ ส.ส.ที่มีชื่อทั้งหมดไปเตรียมข้อมูลให้พร้อม เพราะข้อมูลของแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งนี้ ส.ส.ของพรรคจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีของ ส.ว.ทั้ง 16 คน ซึ่งถูก กกต.ชี้ความผิดไปก่อน จะได้รู้ว่ามี ส.ส.ของพรรคคนใดบ้างที่เข้าข่ายจะถูกตัดสิทธิสมาชิกภาพ จากนั้นพรรคจึงจะมาหารือกันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป
นายสุเทพได้กล่าวกับที่ประชุมว่าพร้อมรับคำวินิจฉัยทุกอย่าง หาก กกต.ชี้มูลก็พร้อมลาออกจาก ส.ส.และให้จัดเลือกตั้งซ่อมในเขตนั้น แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่า ขายหุ้นทั้งหมดก่อนเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯแล้ว นายเทพไทกล่าว
นายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศจีน ถึงกรณีดังกล่าวว่า ในส่วนของผู้ที่เป็นรัฐมนตรีคงไม่มีปัญหา เพราะขายหุ้นไปก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ส่วนผลที่ออกมาจะกระทบกับรัฐบาลแค่ไหนอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีของ ส.ว. เพราะถ้าผลออกมาเป็นอย่างไรจะเป็นบรรทัดฐานไปถึงกรณีของ ส.ส.ด้วย
อนุฯเตรียมชงผลสอบ 28 ส.ส.ปชป.
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่คำร้องของนายศุภชัย ใจสมุทร ขณะเป็นรองโฆษกพรรคพลังประชาชน (พปช.) ขอให้ กกต.ตรวจสอบ 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เข้าไปถือครองหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐอาจขัดรัฐธรรมนูญว่า อนุกรรมการสอบสวนกำลังทำรายงานสรุปสำนวน คาดว่าภายในวันเดียวกันนี้ หรืออย่างช้าวันที่ 26 มิถุนายน จะเสนอผลสรุปต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ได้ โดยประธาน กกต.จะนำเสนอต่อที่ประชุม กกต.ในสัปดาห์ถัดไป และถ้าเป็นตามหลักปฏิบัติที่เคยปฏิบัติมาประธาน กกต.จะสำเนาเอกสารผลสรุปแจกจ่ายให้กับ กกต.แต่คนไปศึกษาเป็นเวลา 7 วันก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อลงมติต่อไป
แก้วสรรชี้ไม่ห้ามส.ส.-ส.ว.ถือหุ้น
ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ ถนนวิทยุ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติเสียงข้างมากให้ 16 ส.ว.พ้นจากความเป็นสมาชิกภาพ เนื่องจากกระทำการต้องห้ามตามมาตรา 48 ประกอบมาตรา 265 (2) (4) ของรัฐธรรมนูญ ที่เข้าไปถือครองหุ้นในกิจการสื่อและบริษัทที่รับสัมปทานกับรัฐ ว่า ในฐานะที่เป็นนักกฎหมาย คิดว่าหลักที่กฎหมายห้ามคือห้ามถือสัมปทานรัฐ แต่ไม่ได้ห้ามถือหุ้นที่ได้รับสัมปทานกับรัฐ และต้องดูว่าการถือหุ้นขนาดไหนถึงจะมีส่วนได้เสียสำคัญโดยไม่ใช่แค่ถือหุ้นเดียวก็พ้นสภาพ
หากเป็นนักการเมืองแล้วถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ให้เอาบริษัทหลักทรัพย์ดูแล ห้ามเล่นหุ้นด้วยตัวเอง และผมจะถือว่าคนที่หุ้นเกินร้อยละ 5 จึงจะถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะมีส่วนได้เสียสำคัญในบริษัทนั้นๆ และถ้าบริษัทนั้นถือสัมปทานรัฐด้วย ส.ส.และ ส.ว.ก็ต้องพ้นจากสมาชิกภาพ นายแก้วสรรกล่าว
บุญจง เชื่อปชป.ไม่โดดเดี่ยวภท.
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อาจจะเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยโดดเดี่ยวพรรค ภท. ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เลขาธิการพรรค ปชป. ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแล้วว่าไม่เป็นความจริง เป็นข่าวที่ปล่อยออกมาโดยไม่มีมูล คงไม่ความจำเป็นอะไรที่จะต้องเปลี่ยนขั้ว เพราะพรรคร่วมรัฐบาลยังสามารถทำงานร่วมกันได้ดีอยู่ และพรรค ภท.ยังคงทำงานตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับ เมื่อถามว่า กระแสข่าวที่ออกมาเป็นความต้องการของพรรค ปชป. เพื่อกำหราบพรรค ภท.ไม่ให้เหิมเกริมหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่มีอะไร ข่าวปล่อยก็คือข่าวปล่อย แต่ใครเป็นคนปล่อยตนไม่ทราบ
เนวินไม่ช่วยชทพ.เลือกตั้งซ่อม
แหล่งข่าวจากพรรค ภท.เปิดเผยว่า การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ศรีสะเกษ ที่ก่อนหน้านี้พรรค ภท.จะให้การสนับสนุนนางสกุลทิพย์ อังคสกุลเกียรติ ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ซึ่งเป็นภรรยาของนายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ที่เป็นคนสนิทของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน แต่เนื่องจากความพ่ายแพ้ที่สนามเลือกตั้ง จ.สกลนคร ทำให้นายเนวิน และแกนนำคนอื่นๆ ประเมินสถานการณ์แล้วว่าหากเดินตามเส้นทางเดิมจะแพ้แน่ นายเนวินและทีมงานคนสำคัญ จึงไม่ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ อย่างที่เคยตั้งใจไว้ โดยจะปล่อยให้พรรค ชทพ.หาเสียงกันเอง
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายเนวินจะจับตาการทำงานของพรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการต่อสู้ครั้งต่อไป ทั้งนี้ การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนคร นายเนวินลงพื้นที่กำกับดูแลการหาเสียงของพรรค ภท.อย่างเดียว ไม่ได้จับตาการหาเสียงของพรรค พท.อย่างละเอียดถี่ถ้วน ดังนั้น ต้องเปลี่ยนการทำงาน เพื่อไม่ไห้ผิดพลาดเหมือนครั้งที่ผ่านมา
บิ๊กจิ๋ว ยุดึงทุกสีตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล
ที่โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ หนังสือพิมพ์สยามรัฐจัดสัมมนาเนื่องในวันครบ 60 ปีสยามรัฐ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ จับชีพจรประเทศไทย...สู่การผ่าตัดใหญ่การเมืองไทย ว่า องค์กรแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งมีอยู่ 3 องค์กร คือ
1.สถาบันพระมหากษัตริย์
2.กองทัพ ที่เคยออกมาเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 แต่ออกมาแล้วไม่ทำอะไร ตนเคยเรียนต่อผู้หลักผู้ใหญ่มาครั้งหนึ่งแล้วว่า ต้องเป็นนายกฯอยู่เพียง 90 วัน แล้วคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ไม่เป็นไรผ่านไปแล้วยึดใหม่อีกก็ได้ และ
3.รัฐบาล เมื่อสังคมขัดแย้ง รัฐบาลต้องรีบแก้ไขปัญหาไม่เช่นนั้น ประชาชนจะลุกออกมาแก้ไขเองแล้วจะยุ่งทำให้เกิดความรุนแรงได้ เพราะรัฐบาลมีอำนาจที่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะการตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล อย่าไปฟังนักรัฐศาสตร์มาก
ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ปรับ ครม.ใหม่ให้ทุกสีทั้งแดง เหลือง น้ำเงิน เป็นต้น ส่งคนดีมาให้หมด แม้รัฐบาลจะตั้งได้เพียง 36 คน แต่ขอให้ยกเว้นตั้งมา 90 คน ก็ได้โดยไม่ต้องมาเป็นคณะรัฐมนตรีแต่มาเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา ให้เวลาเพียง 1-2 ปี ก็สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ผมเชื่อว่านายกฯเป็นคนดีถ้าเชื่อตนพรุ่งนี้ปรับ ครม.ได้เลย. พล.อ.ชวลิตกล่าว
