แพนดาน้อยยืดหดตัวหัดคลาน-จัดแผนใหม่เข้าชมหวั่นวิวาท

ส.พญ.กรรณิการ์ นิ่มตระกูล สัตวแพทย์ประจำตัวหลินฮุ่ย เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ถึงพัฒนาการของแพนดาน้อยว่า เริ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยสังเกตเห็นจากช่วงที่หลินฮุ่ยปล่อยให้นอนเองกับพื้นห้อง แพนดาน้อยจะพยายามยกหัว ยืดหด เกร็ง คล้ายหัดคลาน ซึ่งทำมาแล้วกว่า 1 สัปดาห์ และตอนนี้เริ่มลองกลิ้งตัวกับพื้นห้องก็จะส่งเสียงร้องเหมือนตกใจ ซึ่งน่าจะมาจากพื้นห้องเย็น

"เจ้าตัวเล็กมีการเติบโตเร็วขึ้น เว่ย หมิง ผู้เชี่ยวชาญจีนบอกว่าแพนดาน้อยตัวใหญ่ที่สุดหากเทียบกับแพนดาที่อยู่นอกสาธารณรัฐประชาชนจีน และที่เคยพบมีแพนดาบางตัวลืมตาเร็วที่สุด 35 วัน จากปกติ 45 วัน ซึ่งแพนดาน้อยของไทยอาจะทำลายสถิติได้เช่นกัน ต้องลองติดตามดูพัฒนาการต่อไป โดยเฉพาะการเริ่มตั้งไข่เดินเตาะแตะในช่วงวัย 3 เดือน และอาละวาดเพราะซนสุดๆ ในช่วง 6 เดือน ที่ตอฟันน้ำนมขึ้น" ส.พญ.กรรณิการ์ กล่าว

ส.พญ.กรรณิการ์ กล่าวว่า คงต้องปรับแผนการเข้าชมของประชาชนให้รัดกุมมากขึ้น เพราะจากงานฉลองครบ 1 เดือน ปรากฎว่า มีประชาชนและบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกรูกันเข้าไปชมแพนดาน้อยก่อนเวลาโดยที่ยังไม่ได้แยกลูกมาจากหลินฮุ่ย ซึ่งสร้างปัญหาต่อทีมงานมาก คงต้องจัดเจ้าหน้าที่ดูแลให้เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาทกันของประชาชนที่มาชมแพนดาน้อย

"เราคงต้องเลื่อนเวลาเข้าชมจากเดิมช่วงเช้า 09.00 น.เป็น 10.30 น.และช่วงบ่ายเวลา 14.00 น.เป็น 15.30 น.เพราะตอนนี้แพนดาแม่ลูกสามารถปรับตัวได้แล้ว โดยจะให้เวลาในการชมประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะแพนดาน้อยจะหิวนมและเริ่มส่งเสียงร้อง"

ส.พญ.กรรณิการ์ กล่าวว่า หลินฮุ่ยมีท่าทางคลายกังวลและสบายใจขึ้นมาก กินใบไผ่ตงซึ่งมีโปรตีนสูงเพิ่มขึ้นเป็น 3 กิโลกรัม ที่สำคัญเรียนรู้ได้เองว่าจะต้องให้นมลูกทุก 3 ชั่วโมง โดยไม่มีอาการนอนหลับสนิทจนกรนให้พี่เลี้ยงปลุก ปล่อยลูกบ่อยและนานขึ้น แต่ยังมีปัญหาคือเวลาพี่เลี้ยงนำลูกไปคืนจะรัดลูกแน่นจนแพนดาน้อยส่งเสียงบ่น "อือ อือ" ในลำคอเพราะไม่สามารถคลานไปดูดนมที่เต้าล่างได้ ก็ต้องปรับให้พี่เลี้ยงป้อนอาหารให้หลินฮุ่ยกินในช่วงน้ำลูกไปคืน