หมอยืนยันไม่หนี-พยายามช่วยแจ็คสัน

หมอยืนยันไม่หนี-พยายามช่วยแจ็คสัน

หมอยืนยันไม่หนี-พยายามช่วยแจ็คสัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ครอบครัวไมเคิล แจ็คสัน ต้องการให้ชันสูตรศพรอบสอง ซึ่งมีข่าวว่ากำลังดำเนินอยู่โดยคณะชันสูตรศพอิสระ ขณะที่เจเน็ต แจ็คสัน น้องสาวเข้าบ้านพี่ชาย มีการขนของออกและหารือเรื่องการจัดพิธีศพ

(28มิ.ย.) ที่นครชิคาโก สาธุคุณเจสซี่ แจ็คสัน นักสิทธิมนุษยชนผู้มีชื่อเสียง เปิดเผยว่า ครอบครัวแจ็คสัน ต้องการให้มีคณะผู้ชันสูตรอิสระ หลังเขาเสียชีวิตอย่างกะทันหันในวัย 50 ปี เพราะยังมีข้อสงสัยหลายประการที่ยังไม่ได้คำตอบ รวมทั้งบทบาทของแพทย์โรคหัวใจส่วนตัว ผู้อยู่ด้วยตอนที่เขาเสียชีวิต สาธุคุณแจ็คสัน ไม่ได้เปิดเผยว่าได้เริ่มมีการชันสูตรศพครั้งที่สองแล้วหรือยัง แต่เว็บไซต์เกี่ยวกับคนดัง "TMZ.com" รายงานว่ากำลังมีการชันสูตรศพรอบที่สอง

อยู่ที่สถานที่ไม่เปิดเผยในนครลอสแองเจลิส

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเขตลอสแองเจลิส เปิดเผยหลังทำการชันสูตรศพครั้งแรกว่า จะยังไม่อาจสรุปขั้นสุดท้ายเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของ แจ็คสัน ได้จนกว่าจะทราบผลตรวจด้านพิษวิทยา ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ แต่ผลตรวจสอบขั้นต้นไม่พบหลักฐานที่น่าสงสัยว่าจะเป็นเหตุฆาตกรรม หรือพบบาดแผลภายนอกตามร่างกายของ แจ็คสัน

ขณะที่เพื่อนเก่าแก่ของแจ็คสัน คือ นายแพทย์ดีแพค โชปา ผู้เป็นครูสอนด้านจิตวิญญาณด้วย ให้สัมภาษณ์ว่าเขาวิตกมาตั้งแต่ปี 2548 ว่าแจ็กสันใช้ยาแก้ปวดที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ในทางที่ผิด เพราะแจ็กสันเคยไปพักที่บ้านเขา หลังพ้นผิดจากคดีล่วงละเมิดเด็กชาย และได้ขอให้เขาเขียนใบสั่งยาให้ ซึ่งเขาไม่ยอมเขียนให้ และเตือนว่ามีทางเลือกอื่นแทนการใช้ยา

โชปา เล่าว่า ตลอด 4 ปีหลังจากนั้น พี่เลี้ยงของลูกๆ สามคนของแจ็กสันได้ติดต่อเขาหลายครั้งเพื่อความกังวลเรื่องการใช้ยาของแจ็กสัน เธอเล่าว่ามีแพทย์หลายคนไปหาเขาที่บ้านทั้งที่เขตซานตา บาบารา กับนครลอสแองเจลิสของแคลิฟอร์เนีย นครไมอามี รัฐฟลอริดา และนครนิวยอร์ก ซึ่งเขาได้เตือนแจ็กสันเรื่องนี้ครั้งล่าสุดเมื่อ 6 เดือนก่อน แต่ถ้าพูดเรื่องนี้ แจ็กสันจะเลี่ยงไม่ยอมคุยด้วย

เจเน็ต แจ็คสันหารือเรื่องการจัดพิธีศพ

เจเน็ต แจ็คสัน น้องสาวของไมเคิล แจ็คสัน ได้เดินทางถึงคฤหาสน์ในฮอล์มบี้ ฮิลส์ ของพี่ชายแล้วเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยเจเน็ต
ซึ่งสวมแว่นกันแดด ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ตรงเข้าไปในอาณาเขตของคฤหาสน์ โดยมีรถขนของอีกประมาณ 8 คัน ขนของและเครื่องมือผ่านประตูรั้วออกมา แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีอะไรบ้าง

สมาชิกส่วนใหญ่ในครอบครัวแจ็คสัน ได้ไปรวมตัวกันที่ เอ็นซิโน่ เพื่อหารือกันเรื่องการจัดพิธีศพให้กับยอดนักร้องซูเปอร์สตาร์ และการดูแลลูกทั้ง 3 คนของเขา พวกเขารู้สึกสับสนไม่พอใจและโกรธที่ไม่ทราบว่าใครอยู่กับ แจ็คสัน ในช่วงวัยท้าย ๆ ของชีวิตเขา ครอบครัว แจ็คสัน ต้องการจะทราบในประเด็นที่ว่า AEG ซึ่งเป็นโปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตกำหนด 50 รอบ ที่สนามกีฬา โอทู ในกรุงลอนดอน เข้ามามีบทบาทในชีวิตของแจ็คสันหรือไม่ และยังอยากทราบเกี่ยวกับบทบาทของเหล่าที่ปรึกษาและบรรดาตัวแทนต่าง ๆ ที่พวกเขาเชื่อว่า AEG จะส่งเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย

แจ็คสัน ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัว ที่เขาเคยให้จัดการธุรกิจให้มานานแล้ว โดยเหล่าที่ปรึกษาได้บอกกับสมาชิกในครอบครัวของแจ็คสันว่า เป็นความปรารถนาของ แจ็คสัน แต่ครอบครัวก็ไม่เคยเชื่อถือคำพูดของคนเหล่านี้ คนใกล้ชิดกับครอบครัว ระบุว่า ขณะที่มีรายงานว่าแจ็คสันห่างเหินกับครอบครัว เขามักจะคุยกับนางแคทเธอรีน ผู้เป็นแม่ และโจ บิดาของเขา ก็เพิ่งจะพบกับบุตรชายในช่วงสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ รวมทั้งเจเน็ต ที่อาจไม่ได้คุยกับเขาในช่วงนี้ ก็ไม่ได้จัดว่าห่างเหินกัน

ด้านแท็บลอยด์ เดอะซัน รายงานเกี่ยวกับพิธีศพของ แจ็คสัน ว่า แม้ว่าจะเป็นทราบกันดีว่าเขานับถือศาสนาคริสต์ แต่มีรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า เขาได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ที่ตามประเพณีจะต้องทำพิธีฝังภายในวันที่เสียชีวิต มีรายงานด้วยว่า ศพของ แจ็คสัน ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพศพของเขารั่วไหลออกไปได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนที่ร่วมในการชันสูตรศพ พากันประหลาดใจเกี่ยวกับสุขภาพของแจ็คสันเขาดูแข็งแรงกว่าที่คิด และรู้สึกประหลาดใจต่อรอยแผลบนใบหน้าของเขา ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่พวกเขาได้เห็นแจ็คสันในสภาพที่ปราศจากการเม็ค-อัพ

อดีตพี่เลี้ยงลูกเผยเคยปั๊มท้องแจ็คสันหลายครั้ง

สื่ออังกฤษพากันรายงานโดยอ้างถ้อยแถลงของ "เกรซ รวารัมบา" อดีตพี่เลี้ยงลูกวัย 42 ปี ของไมเคิล แจ็คสัน ผู้ซึ่งอยู่ๆถูกแจ็คสันไล่ออกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เล่าว่าในอดีตมีหลายครั้งที่ต้องช่วยปั๊มท้องของแจ็คสัน เพื่อกำจัดยาแก้ปวดหลายขนานที่เขารับประทานเข้าไป

"เดอะซันเดย์ ไทมส์" อ้างถ้อยแถลงของ รวารัมบ้า ที่ว่า แจ็คสันเสพย์ติดยาแก้ปวด และมักยากินหลายขนานพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เธอเล่าว่ามีช่วงหนึ่งที่อาการของเขาแย่เสียจนเธอไม่อาจปล่อยให้เด็กๆ เห็นพ่อผู้ซึ่งมักรับประทานอาหารน้อยเกินไป แต่รับประทานยาแก้ปวดหลายขนานมากจนเกินไป และครั้งหนึ่ง เธอได้ขอให้นางแคธเธอลีนกับเจเน็ต มารดาและน้องสาวของแจ็คสัน เข้าแทรกแซงเพื่อขอให้เขาเข้ารับการบำบัด จนถูกไมเคิลเมินและกล่าวหาว่าเธอทรยศ

รวารัมบ้า ทำงานกับแจ๊คสันมากว่า 10 ปี โดยเริ่มจากการเป็นผู้ช่วยในสำนักงาน ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นคนเลี้ยงลูกๆ สามคนของเขา เธออ้างด้วยว่า หลังจากถูกไล่ออก เธอได้บินจากยุโรปไปที่นครลอสแองเจลีสหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยความเป็นห่วงลูกๆสามคนของแจ็คสัน ประกอบด้วย ไมเคิล จูเนียร์ หรือ "ปรินซ์" วัย 12 ขวบ, ปารีส วัย 11 ขวบ และ ปริ้นซ์ ไมเคิล ที่ 2 วัย 7 ขวบ ผู้มีชื่อเล่นว่า" แบลงเคต"

แทบลอยด์ "นิว ออฟ เดอะ เวิร์ลด์" ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกันกับ "เดอะ ซันเดย์ ไทม์ส" รายงานเช่นเดียวกันว่า รวารัมบ้า กรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของเขา ขณะที่เธออยู่ที่บ้านในสวิตเซอร์แลนด์ของแดฟนี่ บารัค พิธีกรรายการโทรทัศน์ และเธอให้สัมภาษณ์บารัคด้วยว่า สิ่งที่เธอเป็นห่วงที่สุดคืออนาคตของลูกๆทั้งสามคนของแจ๊คสัน และว่าพวกเขาเหมือนลูกของเธอเอง เพราะเธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่พวกเขาอายุได้ได้ไม่กี่วัน เธอเล่าด้วยว่า "แบลงเคต" ได้คร่ำครวญว่า ทำไมพระเจ้าเอาพ่อไป น่าจะเอาตัวเขาไปแทนพ่อ

รวารัมบ้า ผู้เกิดที่รวันด้า อ้างด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างแจ็คสันกับลูกๆไม่ดีนักเมื่อไม่นานมานี้ แบลงเคตเล่นแสดงคอนเสิร์ตโดยใช้เพลงของแจ็คสัน ทำให้เธอหัวเราะขำ ส่วน"ปริ้นซ์"กับ"ปารีส"ก็เล่นอยู่แถบนั้น เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนมีความสุข จนไมเคิลเดินเข้ามาทำให้เด็กๆพากันมีสีหน้าตื่นตกใจ เพราะไมเคิลมีท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก

หมอยืนยันไม่หนี-พยายามช่วยแจ็คสัน

นายคอนราด เมอร์เรย์ นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ผู้ที่เชื่อกันว่าเป็นเพียงบุคคลเดียวที่อยู่กับ ไมเคิล แจ็คสัน ตอนที่เสียชีวิต ได้เข้าพบกับตำรวจที่สำนักงานในลอส แองเจลีส เป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับทนายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากมีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่าเขาหายตัวไป

นางมิแรนดา เซฟคิก โฆษกหญิงของแพทย์คนนี้ ระบุในแถลงการณ์ที่ออกเมื่อค่ำวันเสาร์ว่า ระหว่างการเข้าพบเจ้าหน้าที่ นายเมอร์เรย์ได้ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ แจ็คสัน ซึ่งคณะสอบสวนยืนยันว่า ไม่มีทางที่นายเมอร์เรย์ไจะเป็นผู้ต้องสงสัยในการจากไปของแจ็คสัน นายเมอร์เรย์ไยังคงเป็นเพียงพยานของโศกนาฏกรรมครั้งนี้

โฆษกหญิงยืนยันว่า นายเมอร์เรย์ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในลาสเวกัสและฮุสตัน ยังคงอยู่ในลอสแองเจลีสตั้งแต่แจ็คสันตาย โดยเขาอยู่ในรถพยาบาลที่พา แจ็คสัน ไปโรงพยาบาล และเขายังใช้เวลาหลายชั่วโมงที่นั่น ช่วยปลอบโยนคนในครอบครัวของแจ็คสัน หลังแพทย์ยืนยันการเสียชีวิตของเขา และจะยังให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ในการค้นหาสาเหตุการจากไปของ แจ็คสัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook