หวัดทะลุ1.4พัน จับตา2คนโคม่า

หวัดทะลุ1.4พัน จับตา2คนโคม่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แพทย์เผยผู้ป่วยหวัดสายพันธุ์ใหม่ยังไม่พ้นขีดอันตราย เข้ามารักษาก็โคม่าแล้ว มีไข้สูง ไอมาก ปอดบวม ความดันต่ำ พบประวัติสูบบุหรี่กินเหล้ากว่า 20 ปีไม่เคยตรวจสุขภาพเลย ก่อนมีอาการลูกเป็นหวัดแต่ไปซื้อยากินเอง ไม่ได้พบแพทย์ ส่วนอีกคนเป็นหญิงวัย 21 ปี ปอดบวม มีไข้รอผลตรวจจากแล็บ สธ.เผยผู้ป่วยเพิ่ม 84 ราย หายป่วยแล้ว 1,387 ราย นอนในร.พ.อีก 24 ราย บิ๊กสธ.ยันแพทย์ทุกคนทำเต็มที่แล้ว อย่าเอาแต่วิจารณ์คิดถึงหัวอกคนทำงานบ้าง มีมาตรการอะไรดีๆ ก็เสนอมา ด้านทหารเรือสั่งแยกทหารใหม่ที่มีอาการทุกรูปแบบออกมาดูแลอาการแล้ว 639 ราย

สถานการณ์หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง โดย ก่อนหน้านี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ล่าสุดจำนวนผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมากขึ้นทะลุ 1.4 พันราย อาการยังไม่พ้นขีดอันตราย 2 ราย โดยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณ สุข กล่าวว่า ผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มขึ้นอีก 84 ราย เป็นนักเรียน 61 ราย ผู้ป่วยติดเชื้อภายในประ เทศ 6 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด 17 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดสะสมของผู้ป่วยเพิ่มเป็น 1,414 ราย เสียชีวิต 3 ราย รักษาหายเป็นปกติแล้ว 1,387 ราย ขณะนี้ยังคงมีผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาล 24 ราย ทุกรายอยู่ในความดูแลของคณะแพทย์อย่าง ใกล้ชิด

พ.ญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยา บาลราชวิถี เปิดเผยถึงอาการของผู้ป่วยที่อาการน่าเป็นห่วง ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นชาย อายุ 47 ปี มีอาการไข้ต่ำๆ ไอ ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. มาพบแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ด้วยอาการไข้สูง 39 องศาเซลเซียส โดยผู้ป่วยไอมาก หลังจากให้การรักษา โดยให้ยาโอเซลทามิเวียร์ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้ป่วยมีอาการหอบมาก หายใจติดขัด ผลเอกซเรย์ปอดพบว่ามีภาวะปอดบวม แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหาย ใจและนำเข้ารักษาในห้องไอซียู และเอกซเรย์ปอดอีกครั้ง พบว่าปอดบวมมากขึ้น และค่าออกซิเจนในเลือดต่ำมาก จำเป็นต้องใช้เครื่องเร่งความดันในปอด และทำให้ออกซิเจนในเลือด ปกติ

ขณะนี้คนไข้อาการดีขึ้น แต่ยังไม่น่าไว้วาง ใจ แพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะไม่แน่นอนว่าอาจมีอาการแทรกซ้อนได้อีกหรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้ มีประวัติการสูบบุหรี่และ ดื่มสุรามานานกว่า 20 ปี โดยไม่เคยตรวจสุข ภาพเลย และจากการซักประวัติทราบว่า ก่อนที่จะมีอาการป่วยลูกชายของผู้ป่วยรายนี้ ป่วยเป็นไข้หวัดมาก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ซื้อยากินเอง จนอาการหายเป็นปกติและไม่ได้มาพบแพทย์ พ.ญ.วารุณีกล่าว

น.พ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยที่อาการ น่าเป็นห่วงอีกราย เป็นหญิงวัย 21 ปี ติดเชื้อจากภายในประเทศ โดยมีอาการปอดบวม มีไข้ แต่อยู่ระหว่างรอผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการ ว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่

ทั้งนี้ ในกรณีที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อาการรุนแรง ทีมแพทย์ได้เตรียมการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดทุกราย ส่วนในรายที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ไม่มีการชันสูตรเนื่องจากญาติไม่อนุญาต ซึ่งการชันสูตรจะเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ ให้ การพิสูจน์ทราบการดำเนินโรคอย่างยิ่ง

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ยืนยันว่า สธ.ไม่ได้ประมาทในการวางแนวทางการรักษาผู้ป่วย และไม่เคยประเมินโรคนี้ต่ำเกินไป ซึ่งมีการเตือนเป็นระยะตั้งแต่การระบาดยังไม่เข้าประเทศ จนเข้าสู่ประเทศแล้ว แพทย์และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลัง ทั้งในเรื่องการป้องกัน เตรียมความพร้อม เจ้าหน้าที่ เรื่องยา ให้ความรู้ประชาชน แต่คงต้องยอมรับว่าไม่สามารถใช้มาตรการสกัดกั้นโรคเหมือนกับโรคไข้หวัดนกได้ เพราะคนยังมีการไปมาหาสู่กันตลอดเวลา

ผมรู้สึกเสียใจต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยทั้ง 3 ราย แพทย์ทุกคนก็ไม่มีความสุข เพราะทำงานเฝ้าระวังโรคตลอด 2 เดือน ยื้ออย่างที่สุดแล้วกลับมีผู้เสียชีวิต และคงไม่มีใครสนุกที่ต้องลุ้นว่าจะมีคนตายอีกหรือไม่ หากใครวิจารณ์อะไร ขอให้คิดถึงหัวอกคนที่ทำงาน ไม่ใช่อยู่บนหอ คอยงาช้างแล้วได้แต่ตำหนิ หากมีอะไรที่บก พร่องควรมีมาตรการที่ดีกว่านี้ขอให้เสนอมา นายวิทยากล่าว

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนักระบาดวิทยาประเมินตัวเลขผู้ป่วยว่า น่าจะมีตัวเลขของผู้ป่วยนอกระบบการตรวจรักษามากกว่านี้หลายเท่า เพราะบางส่วนอาการไม่รุนแรง เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ก็หายเอง ทำให้บางรายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากเป็นหวัดมีอาการไอ หรือจาม ควรใส่หน้ากากอนา มัยป้องกัน และล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และเมื่อมีอาการมากขึ้นควรรีบมาพบแพทย์

ต่อมานายวิทยาให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่ทำ เนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่มีผู้เสียชีวิตเป็นรายที่ 3 เกรงว่าการแพร่ระบาดจะหนักขึ้นจนถึงขั้นวิกฤต ในช่วงเดือนก.ค.หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ของสำนักระบาดวิทยาแจ้งมาตลอดว่า แนวโน้มเมื่อพบการแพร่ก็จะมีการระบาด เพราะการแพร่ระบาดของไข้หวัดนั้นเป็น การแพร่ระบาดจากคนสู่คน ดังนั้น ทิศทางของการแพร่ระบาดก็จะเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ว่าถ้าประชาชนตื่นตัวในการเฝ้าระวัง ยอดตัวเลขการแพร่ระบาดก็จะลดลง คาดการณ์ว่าขณะนี้การแพร่ระบาดมีผู้ป่วยหลายคนที่หายเองโดยไม่รู้ตัว

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคนี้ นายวิทยากล่าวว่า ระหว่างประ เทศยืนยันว่าประมาณเดือนต.ค.นี้ จะสามารถผลิตวัคซีนได้ ซึ่งตนสั่งให้องค์การเภสัชกรรมสั่งจองวัคซีนแล้ว ซึ่งเราได้โควตาประมาณ 2 ล้านชุด ที่จะส่งมอบประมาณเดือนต.ค.-ธ.ค.นี้ ส่วนการผลิตภายในประเทศนั้น เราได้ตัวอย่างเชื้อวัคซีนจากองค์การอนามัยโลกแล้ว ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เริ่มค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว ส่วนเรื่องงบประมาณนั้นเราได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศมาบางส่วน

สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.-30 มิ.ย. ตามเวลาประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ใน 116 ประเทศ รวม 70,893 ราย เสียชีวิต 311 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 0.44 ประเทศและอาณานิคมที่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายแรก ได้แก่ อิรัก ลิธัวเนีย โมนาโก และเนปาล

วันเดียวกัน เวลา 08.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทกับคณะผู้แทนประเทศไทยที่จะไปแข่งขันคณิตศาสตร์-คอมพิวเตอร์-เคมี-ชีววิทยา-ฟิสิกส์ โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2552 จำนวน 23 คน ตอนหนึ่งว่า การเดินทางไปแข่งขันครั้งนี้ขอให้ดูแลเรื่องสุขภาพ ไม่อยากให้เป็นไข้หวัด เพราะไม่ทราบว่าแต่ละประเทศที่จะเดินทางไปแข่งขันจะมีมาตรการใดบ้าง แต่อย่างที่เห็นในการจัดการแข่งขันกีฬาบางประเทศ ถ้าเจอคนเป็นไข้ 1 คนในทีมก็จะถูกกักตัวทั้งทีม จึงไม่แน่ใจว่าการแข่งขันด้านการศึกษาจะยึดแนวทางเดียวกันหรือไม่ จึงขอให้ดูแลสุขภาพให้ดี ถ้ามีปัญหา ขอให้แจ้งต่อผู้จัดการทีมเพื่อตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นอาจจะเสียโอกาสการแข่งขันครั้งนี้ไป อย่างไรก็ตาม หวังว่ากว่าจะเดินทางไปร่วมแข่งขัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดจะคลี่คลาย

ส่วนที่โรงเรียนอนุบาลสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรี นายชุมพร พลรักษ์ ผู้ว่าฯ สิงห์บุรี เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องหลังจากโรงเรียนอนุบาลสิงห์บุรีสั่งปิดเรียนนักเรียนชั้น ป.3 และ ป.5 บางห้อง หลังพบนักเรียนเป็นไข้หวัดประมาณ 30 คน โดยมีนายชวดล สุระขันธ์ ผอ.ร.ร.อนุบาลสิงห์ บุรี น.พ.อัษฎรางค์ รวยอาจิณ นายแพทย์เชี่ยว ชาญ สสจ.สิงห์บุรี และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

จากนั้นนายชุมพรเปิดเผยว่า เท่าที่คุยกันทราบว่า เด็กที่เป็นไข้หวัดน่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา เพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝน ฝนตกบ่อย แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงสั่งให้ดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เพราะเราใช้วิธีป้องกันดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง

ส่วนที่จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบว่ามีความแตกตื่นหลังจากมีนักเรียนหลายโรงเรียนในจ.พระนครศรีอยุธยา มีอาการป่วยเป็นไข้หวัดและมีไข้สูงกว่า 100 คน โดยโรงเรียนร้องขอให้หยุดเรียน พร้อมจัดส่งนักเรียนที่เป็นไข้ไปพบแพทย์เจาะเลือดตรวจ ว่าจะมีอาการของโรคไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ และเด็กนักเรียนบางคนที่ไปเรียนหนังสือ เริ่มสวมผ้าปิดปากจมูกแล้วเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบทางเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า มีเด็กนักเรียนติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ จ.พระนครศรี อยุธยา แล้ว 5 คน โดยคนแรกเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ บ้านอยู่ใน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และยังพบนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ อีก 4 ราย รวมเป็น 5 ราย ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของแพทย์

ส่วนกรณีที่มีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ ในศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และมีทหารเกณฑ์เสียชีวิต 1 นาย ล่าสุดมีการคัดแยกทหารที่เป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด 639 นาย ออกจากทหารปกติทั่วไป แยกผู้ป่วยที่ร.พ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 1 นาย เฝ้าระวังอยู่ที่ร.พ.อาภากรเกียรติวงศ์ 41 นาย และกักตัวเพื่อรอดูอาการในอาคารต่างๆ ที่กันพื้นที่สำหรับการควบคุมโรคโดยเฉพาะ 5 อาคาร

ซึ่งน.อ.นพดล สุภากร ผบ.ศูนย์ฝึกทหารใหม่ เปิดเผยว่า ขออย่าตกใจกับยอดผู้ป่วย 639 นาย เป็นเพียงยอดทหารที่เราแยกออกมาควบ คุมอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะมีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล และล่อแหลมต่อการติดไข้หวัด เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจและควบคุมอาการอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่าขณะนี้ไม่มียอดการเข้าตรวจเพิ่มจากนี้แต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook