อจ.วิทย์บุกพิสูจน์ บ้านเฮี้ยนไฟไหม้

อจ.วิทย์บุกพิสูจน์ บ้านเฮี้ยนไฟไหม้

อจ.วิทย์บุกพิสูจน์ บ้านเฮี้ยนไฟไหม้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อจ.ราชภัฏบุรีรัมย์บุกสำรวจ บ้านอาถรรพ์ไฟไหม้ 50 ครั้ง เสี่ยโลงศพทนไม่ไหวเก็บข้าวของย้ายหนีบ้านอาถรรพ์ แล้ว ย้ายไปอยู่บ้านหลังเก่าที่ลำปลายมาศ เผยคนในครอบครัวหวาดผวาหมดแล้ว ลูกน้องก็ลาออกไป 4 คน หากอยู่ต่อไปก็อาจจะเกิดเพลิงไหม้ซ้ำอีกได้ ระบุเช็กกล้องวงจรปิด 4 ตัวที่ติดตั้งไว้รอบบ้านก็ไม่เห็นมีคนร้ายลอบเข้ามาวางเพลิง ชาวบ้านแห่ไปดูบ้านอาถรรพ์กันคับคั่ง ผู้การบุรีรัมย์สั่งสอบให้ชัดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือโดนวางเพลิง

จาก เหตุการณ์ประหลาดเกิดเหตุไฟไหม้ถี่ยิบที่บ้านเลขที่ 85 บ้านหัวลิง หมู่ที่ 10 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านนายวิฑูรย์ ชื่นจิต อายุ 25 ปี พร้อมด้วยครอบครัวและลูกน้อง เช่าทำธุรกิจขายโลงศพ และรับจัดงานศพแบบครบวงจร โดยเกิดเหตุเพลิงไหม้โดยไม่ทราบสาเหตุเกือบ 50 ครั้งภายในเดือนเดียว ซึ่งนายวิฑูรย์เชื่อว่าคู่แข่งทางธุรกิจไม่พอใจทำคุณไสยมารังควาน จนต้องนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีปัดเป่า แต่ก็ยังเกิดเหตุไฟไหม้ภายในบ้านเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง ตามข่าวที่เคยเสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายวิฑูรย์ ชื่นจิต เสี่ยหนุ่มขายโลงและรับจัดงานศพแบบครบวงจร พร้อมครอบครัว และลูกน้อง ได้เร่งช่วยกันเก็บข้าวของย้ายออกจากบ้านที่เชื่อว่าเป็นบ้านอาถรรพ์ กลับไปยังบ้านเช่าหลังเดิมที่ อ.ลำปลายมาศ ที่ถูกลอบวางเพลิงเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาจนวอดเสียหายทั้ง 4 คูหาและอยู่ระหว่างการซ่อมแซม

โดยนายวิฑูรย์กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องรีบย้ายบ้านเพราะเกรงหากยังเช่าอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ต่อจะได้รับอันตราย และทรัพย์สินเสียหายมากกว่านี้ อีกทั้งคนในครอบครัวเกิดความหวาดผวา และล่าสุดลูกน้องได้ลาออกไปแล้วถึง 4 คน นอกจากนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำให้ธุรกิจขายโลงและรับจัดงานศพของตนได้ รับผลกระทบมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าทั้งค่าเสียโอกาสด้านธุรกิจและทรัพย์สินที่ถูกไฟไหม้เสียหาย ไม่น้อยกว่า 600,000 บาท

นายวิฑูรย์กล่าวว่า หลังจากที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้รอบบริเวณบ้านทั้ง 4 ตัว แต่ไม่สามารถจับภาพคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุลอบวางเพลิงภายในบ้านได้ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนจึงได้ย้ายกล้องวงจรปิดจำนวน 3 ตัวเข้ามาติดตั้งไว้ภายในบ้าน เพื่อจับภาพเหตุการณ์เพลิงไหม้ภายในบ้าน ส่วนอีก 1 ตัวติดไว้ที่บริเวณทางเข้าออกหน้าบ้าน แต่ก็ยังไม่สามารถจับภาพคนร้าย หรือภาพขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ มีเพียงภาพคนภายในบ้านเดินไปมาเท่านั้น ขณะที่ชาวบ้านก็ยังมายืนออเพื่อรอดูเหตุการณ์เพลิงไหม้อยู่บริเวณหน้าบ้าน เป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน จนตนต้องนำป้าย "บุคคลภายนอกห้ามเข้า" มาติดไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน

พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า คดีเพลิงไหม้ปริศนาในบ้านเช่าที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเกิดจากอาถรรพ์หรือไสย ศาสตร์นั้น ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนไปตามขั้นตอน และขณะนี้ก็ได้ให้ชุดสืบสวนสอบสวนไปสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ เพื่อเร่งคลี่ปมเพลิงไหม้ปริศนาในบ้านอาถรรพ์ดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว เพราะพล.ต.ต.สมบัติ คงพิบูลย์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ได้กำชับให้ติดตามสืบสวนสอบสวนเป็นพิเศษ เนื่องจากคดีในลักษณะนี้ยังไม่เคยเกิดมาก่อน และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากสืบสวนสอบสวนพบว่าเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างสถานการณ์ หรือลอบวางเพลิงก็จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุตามกฎหมาย

ดร.สมหมาย ปะติตังโข หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ได้ออกมาระบุในเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หากจะมองในด้านวิทยาศาสตร์ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ได้ต้องมีสิ่งที่เป็นเชื้อไฟ หรือสารเคมีบางอย่าง เกิดการสันดาปกับอิเล็กตรอน และเกิดปฏิกิริยาว่องไวต่อแสงจึงจะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นเองคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ไม่มีสิ่งที่จะทำปฏิกิริยาได้ เพราะจากการสำรวจดูแล้วสายไฟฟ้าภายในบ้านก็ถูกตัดขาดทั้งหมด ส่วนมีความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์นั้นก็ควรจะใช้วิจารณญาณว่าควรเชื่อหรือไม่

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook