ณรงค์ชัยหนุนดึงทุนสำรองฯ ลงทุนชี้มีเยอะใช้ได้ 2-3 หมื่นล้านดอลล์-คาดขายบอนด์ 14-15 ก.ค.นี้

ณรงค์ชัยหนุนดึงทุนสำรองฯ ลงทุนชี้มีเยอะใช้ได้ 2-3 หมื่นล้านดอลล์-คาดขายบอนด์ 14-15 ก.ค.นี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ณรงค์ชัย หนุนรัฐดึงทุนสำรองฯ มาใช้ลงทุน 2-3 หมื่นล้านดอลล์ แถมช่วยลดแรงกดดันบาทแข็งได้อีกทาง ด้านสบน.เผยเริ่มกู้เงินแบงก์ในประเทศ 3 หมื่นล้านเดือนมิ.ย.นี้ พร้อมขายพันธบัตร 3 หมื่นล้าน 14-15 ก.ค. ให้ดอกเบี้ย 3-5% นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานคณะกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยว่า ตนเห็นด้วยกับแนวคิดการนำเงิน ทุนสำรอง ระหว่างประเทศออกมาใช้ลงทุน เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ โดยเห็นว่าระดับ ทุนสำรอง ที่เหมาะสมกับประเทศไทยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8-9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันมีสูงถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จึงมีวงเงินที่น่าจะนำออกมาลงทุนได้ประมาณ 2-3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ มองว่าการลดปริมาณ ทุนสำรอง ฯ ของประเทศลงจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดแรงกดดันต่อการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถนำ ทุนสำรอง ฯ ออกมาใช้ลงทุนได้โดยไม่จำเป็นต้องรอการแก้ไขกฎหมาย ผ่านอำนาจของคณะกรรมการ ธปท. บริหารเงินสำรองระหว่างประเทศนำเงินมาลงทุนในโครงการที่ต้องใช้เงินตราต่างประเทศ หรือเป็นการลงทุนในพันธบัตรสกุลต่างประเทศที่ออกโดยกระทรวงการคลัง หรือรัฐวิสาหกิจได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ด้านนายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า จีดีพีในปีนี้น่าจะติดลบ 3.5% และเศรษฐกิจก็ชะลอตัวใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยในไตรมาส 2 และ 3 น่าจะติดลบประมาณ 5% แต่ไตรมาส 4 น่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกประมาณ 2% ส่วนปี 2553 คาดว่าจีดีพีจะไม่ติดลบแล้ว แต่ต้องขึ้นอยู่กับการลงทุนของภาครัฐว่า จะกระจายเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใดด้วย นายพงศ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมขอกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศงวดแรก 3 หมื่นล้านบาทในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อนำมาใช้ดำเนินมาตรการภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 คาดว่าจะมีอายุเงินกู้ประมาณ 3-5 ปี และมีต้นทุนการกู้เงินไม่เกิน 3.2% ส่วนพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งลอตแรก 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้วันที่ 14-15 กรกฎาคมนี้ หากความต้องการมากกว่าที่กำหนดไว้ก็พร้อมจะขยายวงเงินอีก 2 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดขายให้ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปได้ซื้อก่อนประชาชนรายอื่นใน 3 วันแรก จากนั้นจึงจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาซื้อ และให้อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ซึ่งในปีแรกอาจจะสูงกว่า 3% และคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% ในปีที่ 5

ด้านนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองโฆษก สบน. กล่าวว่า เงินกู้ดังกล่าวเป็นการเตรียมการรองรับโครงการลงทุนที่จะเสนอขอเข้ามา ส่วนวงเงินตามแผนกู้เงินตาม พ.ร.ก.จะเป็นการกู้เงินทั้งจากสถาบันการเงินและการออกพันธบัตรทั้งแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวขึ้นตามความต้องการของตลาดในแต่ละช่วงเวลา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง ธปท.ชี้ไม่ถึงเวลาดึงทุนสำรองมาใช้ ณรงค์ชัยมองจีดีพีไทยปีนี้ติดลบ4%เตือนระวังสหรัฐไม่ฟื้นจริง-ชี้แผนกู้สะดุดอาการหนักแน่ อภิสิทธิ์ออกแถลงความร่วมมืออาเซียนบวกสามรับวิกฤติเศรษฐกิจ คลังปัดงดนำส่งกองทุนแนะลดเหลือ2% ทีมผู้สร้างสลัมด็อกยื่นมือเข้าช่วย2ดาราอินเดีย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook