''ล่า1ล้านชื่อ'' การตลาดทางการเมือง

''ล่า1ล้านชื่อ'' การตลาดทางการเมือง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผมทั้ง 2 คนได้ใช้เงินส่วนตัวที่ได้รับบริจาคสมทบทุนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ผ่านมาเพื่อขอซื้อโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ ต่าง ๆ เพื่อต้องการสื่อไปยังประชาชนซึ่งเป็นพสกนิกรทั่วประเทศว่า ขณะนี้กำลังมีขบวนการอย่างไรในการล่าชื่อ 1 ล้านคน เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การกระทำดังกล่าวอยากชี้ให้เห็นว่าเป็นวิธีทางการตลาดทางการเมืองที่ต้องการล่าชื่อบีบสถาบันโดยใช้ความจงรักภักดีเป็นค่าใช้จ่าย ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า จะทำอย่างไรก็ไม่เกิดผลเพราะเป็นการเรียกร้องที่ขัดรัฐธรรมนูญ

ผมทั้ง 2 คนในฐานะที่เป็นพสก นิกรที่โตมาในรัชกาลนี้ จึงอยากขอสื่อสารมายังคนไทยด้วยกันให้ช่วยกันจัดการขบวนการเจ้าเล่ห์แสน กลนี้ ให้ล้มเหลวหมดแรง กลายเป็นตัวตลกหรือจำอวดที่คอยหากินไปวัน ๆ เท่านั้นให้จงได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การเกลียดหรือชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นเรื่องของเสาหลักของแผ่นดิน ที่ไม่ควรจะดึงมาเล่นทางการตลาดแบบนี้ เหตุใดแกนนำกลุ่มเสื้อแดงจึงไม่ใช้วิธีล่ารายชื่อเพื่อเสนอกฎหมาย อาทิ พ.ร.บ.สมานฉันท์ ที่เป็นการดำเนินการภายใต้รัฐธรรมนูญไม่ใช่มาใช้วิธีขัดรัฐธรรมนูญนนี้

เป็นเนื้อหาสำคัญช่วงหนึ่งที่ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และ นายขวัญสรวง อติโพธิ อดีต ส.ว. แถลงไว้ที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ ผ่านมา

เพราะหวังว่า สังคมไทย จะเข้าใจและ รู้ทัน กับวิธีการ ที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มความจริงวันนี้ ทำการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อ 1 ล้านคน เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ

ล่าสุด นายการุณ โหสกุล ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในสัปดาห์หน้า ส.ส. และทีมงานภาค กทม. ร่วมกับชมรมคนรักทักษิณและองค์กรภาคประชาชนจะออก รณรงค์อำนวยความสะดวกแก่คนที่อยากร่วมลงชื่อได้มีโอกาสร่วมลงชื่อถวายฎีกาในครั้งนี้ด้วย

ในแง่ของประชาชนคนทั่วไปวันนี้ ต้องบอกว่า ยังมีความเข้าใจในเรื่องนี้ น้อยมาก และสมควรเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องอย่าง รมว. ยุติธรรม หรือ กรมราชทัณฑ์ จะต้องออกมาให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องว่า ทำได้หรือไม่ได้ สมควรหรือไม่สมควรอย่างไร

นอกจากความเข้าใจข้อเท็จจริงแล้ว ยังต้องพูดกันถึง ข้อกล่าวหา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งวันนี้ไม่ใช่มีแค่กรณีที่ ที่ดินรัชดา แต่ยังมีอีกไม่ต่ำกว่า 10 ดี ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล และคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลายเรื่องไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ หลบหนีไม่มาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม

อย่างคดี ร่ำรวยผิดปกติ ที่ถูกอายัดเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือคดี ปล่อยเงินกู้ให้กับพม่า 4 พันล้านบาท ที่ทำให้รัฐเสียหายแต่บริษัทของตัวเองในขณะนั้นได้ประโยชน์ หรือคดี ปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย วงเงิน 9 พันล้าน ซึ่งอยู่ในขั้นตอน ป.ป.ช. และอัยการ คดีเหล่านี้ จะทำอย่างไร หลักของกฎหมายหลักของความยุติธรรมจะเสียไปหรือไม่

ที่ยุ่งเหยิงกันอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมมีปัญหาแต่ เป็นเรื่องของคนบางคนที่พยายามทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ยอม สำนึก ในความผิดของตัวเอง.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook