สู้หวัด-ปิด3วัน กวดวิชาทั่วปท.

สู้หวัด-ปิด3วัน กวดวิชาทั่วปท.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รัฐบาลถือโอกาสช่วงวันหยุด สั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาทุกแห่งทั่วประเทศ หยุดการสอน 3 วันตั้งแต่ 6-8 ก.ค. หวังจะช่วยหยุดยั้งการแพร่ระบาดหวัด 09 ได้ส่วนหนึ่ง ส่วนยอดผู้ป่วยสะสมทะลุหลัก 2 พัน มาอยู่ที่ 2,076 รายแล้ว เสียชีวิตยืนที่ 7 ราย รมว.สาธารณสุขครวญเกินภาระที่จะสกัดกั้นการระบาดของหวัด 09 ได้แล้ว เพราะประชาชนยังเดินทางไปมาหาสู่กันตลอด เปลี่ยนแนวมาให้ความรู้วิธีการป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประ เทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า เนื่องจากมติ ครม.ให้ประชาชนได้มีโอกาสวันหยุดยาว ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 4-8 ก.ค. เชื่อว่าในช่วงวันหยุดยาวนี้ จะช่วยคลายปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ส่วนหนึ่ง เพราะเท่าที่ติดตามมาการแพร่ระบาดมักเกิดขึ้นในโรงเรียน สถานบันเทิงในบางพื้นที่ ฉะนั้นการหยุดเรียนต่อเนื่อง 5 วัน คงเป็นโอกาสดีที่เด็ก หรือผู้ปกครองที่จะสังเกตเห็นลูกหลานว่ามีอาการเจ็บป่วยก็พักผ่อนดูแลกันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพราะในช่วงที่เปิดทำการเรียนการสอน ก็อาจวิตกกังวลไม่อยากให้ลูกหลานขาดเรียน ทำให้เชื้อทั้งไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ แพร่ระบาดได้ สำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงนั้น ระหว่างช่วงวันหยุดยาวนี้ก็ขอให้ทางท้องถิ่นเข้าไปดูแลในการทำความสะอาด กำจัดเชื้อโรค เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดยิ่งขึ้น

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เมื่อมีการระบาดครั้งแรก องค์การอนามัยโลกก็รู้สึกกังวลว่าเหมือนกับซาร์ส ไข้หวัดนก ที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูง แต่ปัจจุบันไข้หวัดใหญ่ฯ แม้จะอันตราย เพราะไม่มีภูมิคุ้มกัน แพร่ระบาดทั่วไป อาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ปกติ แต่ก็ สามารถรักษาได้ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียใจที่มีคนไทยเสียชีวิตแล้ว 6 คน แต่ทุกกรณีมีปัจจัยแทรกซ้อน เช่น โรคประจำตัว ดังนั้นได้กำชับสถานพยาบาลให้ทำความเข้าใจและแนะนำ หากสงสัยว่าติดเชื้อเพื่อการรักษาอย่างรัดกุมมากขึ้น ขอย้ำว่าทุกคนดูแลตัวเองได้ ด้วยการดูแลสุขภาพ หมั่นล้างมือ เลี่ยงการเข้าไปในที่ชุมนุม นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังคงมีอย่างต่อเนื่องล่าสุดวันเดียวกันนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนยืนยันติดเชื้อเพิ่มอีก 231 ราย ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยสะสมพุ่งทะลุ 2,076 ราย แต่ในจำนวนนี้ก็มีผู้ป่วยติดเชื้อที่หายดีแล้วถึง 2,036 ราย เหลือนอนรอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลเพียง 33 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตวันนี้ยังไม่เพิ่ม คือ คงที่อยู่ที่ 7 ราย

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อนั้นเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม เพราะไม่อาจห้ามการเดินทางของประชาชนได้ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวเช่นนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่กระทรวงพยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่ คือ การให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันตัวที่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่ใส่หน้ากากอนามัย แต่ต้องล้างมือบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้กว่าร้อยละ 90 เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดเอ เอชวันเอ็นวันนี้ ไม่ได้ลอยไปตามอากาศและติดเพียงแค่สูดหายใจ แต่เกิดจากสารคัดหลั่งในร่างกาย ทั้งน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วยที่ออกมาเมื่อไอจาม กระเด็นไปติดตามจุดต่างๆ ซึ่งไม่อาจมองเห็นจึงอาจสัมผัสเชื้อติดมือมาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหากไม่ล้างมือ เราเองก็คือผู้ที่นำเชื้อนั้นเข้าร่างกาย เช่น การหยิบอาหารเข้าปาก หรือการขยี้ตา ก็ตาม

ส่วนนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่อง 5 วัน และการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นเพื่อเป็นการตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรคได้อีกทางหนึ่ง กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จึงได้ขอความร่วมมือมายังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในการประสานกับโรงเรียนกวดวิชาเพื่อขอความร่วมมือในการลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว โดยขอให้โรงเรียนกวดวิชาทุกแห่งหยุดทำการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 วัน ในช่วงระหว่างวันที่ 6-8 ก.ค.

เมื่อเวลา 13.30 น. นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข และคณะ พร้อมนายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม เดินทางมาตรวจราชการและเปิดโครงการวัฒนธรรมสายใยชุมชนที่ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด และที่บ้านแหลมมะขาม ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด มีนายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผวจจ.ตราด น.พ. กฤษณ์ ปาลสุทธิ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตราด น.พ.จรัญ บุญฤทธิกาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตราด ให้การต้อนรับ

ก่อนการเข้าฟังบรรยายสรุป นายวิทยากล่าวว่า ได้มอบหมายให้รมช.สาธารณสุข เดินทางไปตรวชราชการที่จังหวัดในภาคกลาง คือ ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และเพชรบุรี ส่วนตนเองเดินทางมาที่ภาคตะวันออก จันทบุรี ตราด ระยอง ชลบุรี เพื่อมอบนโยบายให้โรงพยาบาล จังหวัดทุกแห่งได้จัดแยกผู้ป่วยออกจากคนไข้ปกติ และจัดช่องทางพิเศษให้ผู้ป่วยแยกออกเป็นกรณีพิเศษ พร้อมควบคุมให้เข้มแข็งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในขณะนี้เกิดภาระที่กระทรวงจะควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดได้ เพราะปัจจุบันไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่ใช่โรคระบาดเฉพาะประเทศไทย แต่เป็นในระดับโลกแล้ว จึงต้องรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันตัวเองจะดีกว่า โดยตัวเลขที่ได้รับแจ้งพบว่ามีผู้ติดเชื้อกว่า 2,000 ราย แต่ในข้อเท็จจริงมีมากกว่าและอาจจะหลายหมื่นคน แต่ผู้ป่วยจะหายเองและไม่เสียชีวิต

ตอนนี้ทางกระทรวงไม่สามารถควบคุมไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่ให้แพร่ระบาดได้แล้ว มันเกินภาระ ทางที่จะแก้ไขก็คือการรณรงค์ให้ประชาชนป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเองและให้ระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งช่วงวันหยุด มีประชาชนเดินทางไปมาน่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ส่วนในรายของจ.ราชบุรี ได้รับทราบจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดว่า เป็นหญิงอายุ 37 ปี แต่ไม่อยู่ในสารบบการรักษา และเสียชีวิตด้วยเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 จะเป็นเชื้อไวรัส ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดตรวจสอบเหตุในรายละเอียดต่อไปว่า มีอาการข้างเคียงหรือไม่ เพราะเป็นการรายงานในเบื้องต้นเท่านั้น รมว.สาธารณสุขกล่าว

จากนั้น รมว.สาธารณสุขเข้ารับการบรรยายสรุปเกี่ยวกับควบคุมและป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 จากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตราด ซึ่งระบุว่าได้ดำเนินการเรื่องการควบคุม ป้องกันในทุกรูปแบบ ทั้งสถานศึกษา สถานประกอบการ สถานบริการแหล่งท่องเที่ยว สนามบิน สถานีขนส่ง รวมทั้งตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดเข้ามา

ทางด้านนายธีระ กล่าวว่า ได้สั่งการให้วัฒนธรรมจังหวัดทุกแห่ง ได้เรียกผู้ประกอบการร้านเกม และร้านอินเตอร์เน็ตมาประชุม ขอความร่วมมือให้ร้านเกมและร้านอินเตอร์เน็ตได้ทำความสะอาดเมาส์ก่อนที่จะให้เด็กหรือเยาวชนใช้ เนื่องจากอาจจะทำให้เด็กได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้แพร่ระบาดในวงกว้างออกไปอีก

เวลา 15.00 น. นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วยน.พ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมายัง โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เพื่อเข้าตรวจสถานที่คัดแยกตรวจผู้ป่วย ทั้งนี้ หลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้สั่งการให้โรงพยาบาลขนาดใหญ่จัดห้องแยกตรวจระหว่างผู้ป่วยไข้หว้ดกับผู้ป่วยโรคทั่วไป โดยมีน.พ.สุริยะ คูหะรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ราชบุรี น.พ.ธนินท์ พันธุเตชะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชบุรี พร้อมคณะทำงานติดตามการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ให้การต้อนรับและให้ข้อมูลถึงการเตรียมความพร้อม

โอกาสนี้ รมช.สาธารณสุขได้เข้าเยี่ยมอาการแพทย์ที่ให้การรักษาผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัด 2009 รายที่ 7 ที่ห้องแยกสังเกตอาการ ตึกประชาอุทิศ ซึ่งแพทย์คนดังกล่าวก่อนหน้านี้ประมาณ 3 วัน พบว่ามีอาการเป็นหวัด ทางโรงพยาบาลจึงได้นำตัวเพื่อดูแลและสังเกตอาการขณะนี้มีอาการดีขึ้น แต่ยังคงต้องเฝ้าติดตามระวังอาการอยู่

หลังจากตรวจเยี่ยมแล้วนายมานิต กล่าวว่า หลังจากพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัด 2009 รายที่ 7 ที่ จ.ราชบุรี ทางกระทรวงได้ใช้มาตรการให้ทุกโรงพยาบาล ตั้งแต่โรงพยาบาลชุมชน โดยเฉพาะโรงพยาบาลประจำจังหวัดขนาดใหญ่ ที่แต่ละวันมีผู้ป่วยทุกโรคเข้ามารับบริการ ได้จัดสถานที่คัดแยกตรวจผู้ป่วยไข้หวัดไว้ต่างหาก ไม่ให้มีการปะปนกับผู้ป่วยโรคทั่วไป และในวันนี้ได้ลงพื้นที่ไปตรวจยังโรงพยาบาลนครปฐม โรงพยาบาลสมุทรสาคร และมาที่โรงพยาบาลราชบุรี ปรา

กฏว่าที่โรงพยาบาลราชบุรีมีการเตรียมพร้อมดีที่สุด แต่ก็ยังได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ทั้งแพทย์และพยาบาลได้จัดระบบการคัดแยกผู้ป่วยให้เข้มข้น โดยเฉพาะการรณรงค์ในการปฏิบัติตัวแก่ประชาชน โดยขณะนี้ตนได้กำชับให้ทุกจังหวัดเข้าไปดูแลบรรดาร้านเกมที่จะมีเด็กๆ เข้าไปใช้บริการ และสัมผัสเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ระมัดระวังการแพร่เชื้อด้วย เนื่องจากร้านเกมก็มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่ามีทหารกรมกองต่างๆ ต้องสงสัยว่าจะติดหวัดนั้น ตนเชื่อว่าทหารหน่วยต่างๆ มีระเบียบวินัยและการติดตามข่าวก็จะมีการระมัดระวังอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้มีการติดตามสถานการณ์กันแบบรายวัน และอาจจะมีการปรับมาตรการการเฝ้าระวังให้ครอบคลุมทุกด้านต่อไป

ที่โรงแรมเรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ กล่าวถึงการแก้ปัญหาหวัด 2009 ของรัฐบาลว่า ในฐานะตนเคยเป็นอดีตประธานคณะกรรมการดูแลไข้หวัดนก เรื่องนี้สะท้อนความสามารถในการบริหารของรัฐบาลว่าไม่มีการให้ข้อมูล ไม่มีนโยบายที่ชัดเจน ไม่ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจอย่างเป็นระบบถึงโรคดังกล่าวติดต่อหรือจะป้องกันอย่างไร ตนเห็นใจนายวิทยาที่พยายามรณรงค์ แต่นาทีนี้ทำไมไม่ใช้ทีวีพูลให้ข้อมูลพร้อมกันทั่วประเทศชี้แจงข้อมูลอย่างเป็นระบบจริงจัง ที่ผ่านมาผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก รัฐบาลก็บอกว่ามากแต่ไม่รุนแรง พอมีคนตายก็บอกตายไม่มาก ต่ำกว่าบางประเทศ นายกฯ ไม่ได้มีหน้าที่เท่านี้ ต้องเรียกร้องให้มีการประชุมหาสาเหตุ ชี้แจงเป็นระยะ เพราะประชาชนไม่ต้องการการปลอบใจ แต่อยากทราบว่าจะป้องกันตัวอย่างไร

วันเดียวกัน ที่มัสยิดคอยรู้ลอามีรี หมู่ที่ 2 ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว ได้มีพิธีฝังศพ นายสุทิน หรืออุม๊าท ทองเลาะ อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนปอเนาะสัมล่าฮ่ะตุ๊ดดีน ซึ่งเสียชีวิตลงหลังจากที่ล้มป่วยด้วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ 2009 หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเพียง 2 วันเท่านั้น โดยพิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีบิดา-มารดา ญาติพี่น้อง ประมาณ 100 คนไปร่วมพิธีท่ามกลางความเศร้าเสียใจ

นางปราณี ทองเลาะ อายุ 52 ปี มารดา เผยว่า บุตรชายเรียนอยู่โรงเรียนปอเนาะคลอง 21 ต.หมอนทอง ก่อนหน้าที่จะป่วยราว 1 เดือน ได้ไปทัศนาจรกับเพื่อนๆ ที่จ.จันทบุรีและระยอง กลับมาบ้านตั้งแต่วันพุธด้วยอาการเป็นไข้ ตัวร้อนจัด หน้าซีด จึงให้ยาพาราเซตามอลลดไข้ และพยายามพาไปหมอ แต่เจ้าตัวไม่ไป จนอาการเจ็บป่วยเริ่มอีก ก็ให้ยาพาราฯอีกครั้งและอาการก็ดีขึ้น แต่ไข้ก็ขึ้นอีกครั้ง ตนพยายามคะยั้นคะยอให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไป จนกระทั่งบ่ายวันศุกร์ อาการเริ่มทรุดลง เพราะมีอาการไออย่างรุนแรงจนเป็นเลือด จึงพาส่งโรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยว แพทย์เจาะเลือดไปตรวจเพื่อหาเชื้อไข้เลือดออกกับโรคไข้หวัด 2009 แล้วให้ยากลับไปรับประทานที่บ้าน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ไอเป็นเลือด ตัวร้อน ไข้ขึ้นสูง หน้าซีด ปากซีด จึงนำส่งโรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยวกลางดึกอีกครั้ง และนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางน้ำเปรี้ยว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นและทรุดลง จึงขอนำตัวส่งโรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา เวลา 13.00 น.ของวันเสาร์ เข้าห้องฉุกเฉิน แพทย์ระบุว่า ปอดอักเสบติดเชื้อรุนแรง จนกระทั่งเวลา 13.40 น.วันเดียวกัน ก็เสียชีวิต จึงนำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาที่บ้านพัก 1 คืน รุ่งสายจึงนำไปฝังที่มัสยิดใกล้ๆ บ้าน

น.พ.โอภาส ตันเจริญ แพทย์อายุรกรรม โรงพยาบาลเมืองฉะเชิงเทรา แพทย์ผู้ทำการรักษานักเรียนปอเนาะที่เสียชีวิตเปิดเผยว่า ได้เอกซเรย์ดูที่ช่องปอดผู้ป่วย พบว่าทั้งสองข้างติดเชื้อแบคทีเรียอักเสบอย่างรุนแรง และเป็นรูพรุนทั้งสองข้าง รวมทั้งที่เสมหะยังพบเชื้อแบคทีเรียด้วย การไอเป็นเลือดออกมาเกิดจากปอดอักเสบที่เรื้อรังมานานและไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทีจึงลุกลาม เนื่องจากมีการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่ไข้หวัดใหญ่ 2009 เพื่อความแน่ใจ จึงส่งตรวจเพาะเชื้อไปยังศูนย์วิทยา ศาสตร์การแพทย์เขต 3 ชลบุรี จะทราบผลก่อนเที่ยงวันที่ 6 ก.ค.นี้

ด้านน.พ.อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ลงไปเก็บข้อมูลประวัติครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมแนะนำให้ชาวบ้านดูแลป้องกัน รักษาความสะอาด หากพบว่ามีอาการป่วยก็ต้องรีบไปพบแพทย์ พร้อมกันนี้ได้นำเลือด สารคัดหลั่งของผู้ตายส่งไปตรวจอย่างละเอียดที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 3 จ.ชลบุรี ว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่ โดยจะทราบผลในวันที่ 6 ก.ค.นี้ หากผลการตรวจพบว่าสาเหตุการตายของนายสุทิน ทองเลาะ เกิดจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็จะเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกของจ.ฉะเชิงเทรา และคงต้องหามาตรการเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดให้มากยิ่งขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่จ.ฉะเชิงเทรา มีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังจำนวน 23 ราย และรอผลจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เขต 3 ชลบุรี จำนวน 7 ราย ก่อนหน้านี้มีนักเรียนโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ฉะเชิงเทรา 2 คน กับโรงเรียนเซนต์หลุยส์ 1 คน ที่สงสัยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ผลยืนยันของแพทย์ไม่พบว่าติดเชื้อแต่อย่างใด ขณะนี้อาการหายเป็นปกติดีแล้ว

น.พ.สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ นายแพทย์สาธารณ สุขจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จังหวัดยะลาได้รับรายงานพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นรายแรก นอนพักรักษาตัวในห้องคัดแยกพิเศษของโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ล่าสุดพบว่าอาการโดยรวมดีขึ้นมาก ส่วนรายงานของผู้ที่ติดเชื้อเพิ่มในขณะนี้ยังไม่พบแต่อย่างใด

ได้มอบนโยบายในการเฝ้าระวังและควบคุมป้องกันโรคในพื้นที่อย่างเข้มข้น ในช่วง 3 เดือนนี้ โดยกำชับให้เครือข่ายบริการสุขภาพทุกแห่ง ร่วมกับพลังอสม. ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติตนแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในสถานศึกษา สถานที่ราชการ โรงงาน หรือหน่วยงานอื่นๆ และขอความร่วมมือสื่อมวลชนในพื้นที่ ช่วยประชาสัมพันธ์วิธีการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ให้ประชาชนเข้าใจ โดยเฉพาะในพื้นที่อ.เบตง ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรคติดต่อ ตั้งจุดคัดกรอง แจกเอกสาร คำแนะนำการป้องกันโรคแก่ผู้เดินทางผ่านเข้า-ออก ป้องกันเชื้อเข้าประเทศเพิ่ม น.พ.สวัสดิ์กล่าว

วันเดียวกัน นายวิฑูร สังข์ศาสตร์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/2 หมู่ 2 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ร้องเรียนผ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสดว่า หลานชาย คือด.ช.พิทักษ์สิทธิ์ สังข์ศาสตร์ อายุ 10 ปี อยู่โรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม มีไข้สูงตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาจึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจ.สมุทรปราการ โดยแพทย์ให้ยาและให้ดูอาการที่บ้านหากยังมีไข้ให้กลับมาตรวจรักษาอีกครั้ง ซึ่งวันนี้หลานชายยังคงมีไข้สูง จึงพาไปตรวจรักษาที่ร.พ.สมุทรปราการ เนื่องจากเกรงว่าจะสู้ค่ารักษาของร.พ.เอกชนไม่ไหว โดยเข้า ไปที่แผนกรับคนไข้คลินิกนอกเวลา ร.พ.สมุทร ปราการ ในเวลา 16.00 น.วันที่ 5 ก.ค. กลับไม่ได้ตรวจรักษา โดยพยาบาลแจ้งว่าให้ตนพาหลานชายกลับบ้าน และให้กินยาเดิมที่มีอยู่ไปก่อน เนื่องจากมีคนไข้เด็กจำนวนมาก แพทย์ตรวจไม่ไหว

นายวิฑูร กล่าวอีกว่า การกระทำดังกล่าวของพยาบาลไม่เหมาะสม เนื่องจากเด็กมีไข้สูงติดต่อกัน 3 วัน และอยู่ในช่วงระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ดังนั้นพยาบาลควรรับคนไข้ไว้เพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยโรคก่อน ไม่ใช่ตัดสินใจแทนแพทย์เช่นนี้ หากเด็กมีเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จริง ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตกับเด็กได้หากไม่ตรวจรักษา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook