มหาทุนพลาซ่ารุก ผุด5โครงการใหม่ ช่วงเศรษฐกิจซบ

มหาทุนพลาซ่ารุก ผุด5โครงการใหม่ ช่วงเศรษฐกิจซบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
มหาทุนพลาซ่า ฉวยเศรษฐกิจซบควักเงินสดร่วม 2 พันล้าน ผุด 5 โครงการใหม่ และผนึก

เจ.เอส.พี. กรุ๊ป เปิดตัวทาวน์โฮมแบรนด์ เดอะ บริติชเคาะราคาเริ่มต้น 4 ล้านเศษ ตั้งเป้า 2-3 ปีเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายกรวิชญ์ สวาทยานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มหาทุน พลาซ่าฯ ผู้บริหารอาคารมหาทุนย่านเพลินจิต เปิดเผยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัว แต่ในส่วนของบริษัทนั้นยังเดินหน้าทุ่มงบประมาณกว่า 2 ,000 ล้านบาท เพื่อลงทุน 5 โครงการใหม่ โดยโครงการแรกได้จับมือกับบริษัท เจ.เอส.พี.ฯ เปิดบริษัท เจ.เอส.พี. ทาวน์โฮมฯ ทุนจดทะเบียน 90 ล้านบาท โดยนำร่องเปิดโครงการ เดอะ บริติช ย่านถนนสาทรกัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการกว่า 460 ล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 30 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท บริเวณย่านพระราม 3 ตรงข้ามโรงแรมมณเฑียร พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ครึ่ง จำนวน 700 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท/ยูนิต และมีแผนพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯอีกประมาณ 3 โครงการ งบลงทุนเฉลี่ยโครงการละ 200 ล้านบาท รวมประมาณ 600 ล้านบาท และหากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวคาดว่าในปีหน้าจะมีการลงทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ

สาเหตุที่เดินหน้าลงทุนเนื่องจากแนวทางในการลงทุนจะเน้นในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

เพราะในแง่การลงทุนถือว่าได้กำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เนื่องจากต้นทุนในการก่อสร้างลดลง ขณะที่ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง โดยคาดว่าเมื่อสร้างเสร็จเศรษฐกิจจะกลับมาบูมอีกครั้งหนึ่ง ในทางกลับกันหากเศรษฐกิจบูมสุดขีดจะมีการชะลอการลงทุน โดยการลงทุนนั้นจะใช้ทุนส่วนตัวโดยไม่กู้สถาบันการเงินและก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการทยอยซื้อที่ดินในกรุงเทพฯเก็บแล้วจำนวนมากมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

ก่อนหน้านั้นได้ทำธุรกิจบ้านจัดสรรที่พัทยามาประมาณ 5-6 ปี ภายใต้แบรนด์ สิริศา

มีทั้งหมด 19 โครงการ มูลค่าเฉลี่ยโครงการละ 100-300 ล้านบาท โดยจะเน้นทำเล ริมถนนสุขุมวิท พัทยาเหนือ พัทยาใต้ เป็นโครงการสำหรับตลาดระดับกลาง ราคาทาวน์เฮาส์-บ้านแฝดเริ่มต้นที่ 1-5 ล้านบาท บ้านเดี่ยวราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท และอาคารพาณิชย์เฉลี่ย 3-5 ล้านบาท ไม่เน้นโครงการติดทะเล เพราะมีการแข่งขันสูงและเริ่มมีปัญหา มีการขายยกโครงการบ้างแล้วส่วนโครงการมหาทุนพลาซ่านั้นยอมรับว่าขณะนี้กลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้มีการขอซื้อสิทธิ์การเช่าที่ดิน

ด้านนายวีระกิตติ์ เอกอัครวิจิตร ผู้จัดการโครงการเจ.เอส.พี. กรุ๊ป กล่าวเสริมว่า เจ.เอส.พี. กรุ๊ป จับมือกลุ่ม สวาทยานนท์ เปิดบริษัท เจ.เอส.พี. ทาวน์โฮมฯโดยมีการถือหุ้นในสัดส่วน 50:50 ทุนจดทะเบียน 90 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯภายในระยะเวลา 2-3 ปี โดยโครงการแรกเป็นการพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศ ภายใต้แบรนด์ เดอะ บริติช บนถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ บนเนื้อที่ 8 ไร่ เป็นโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น มูลค่าราคา 6.8 ล้านบาท จำนวน 27 ยูนิต และทาวน์โฮม 3 ชั้น ราคา 4.29 ล้านบาท จำนวน 64 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 460 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการ เดอะ บริติช 2 ในพื้นที่เดียวกันจำนวน 11 ไร่อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาที่ดินย่านสมุทรปราการ ริมถนนสุขุมวิทใกล้ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว นอกจากนี้ยังได้ไปซื้อที่ดินบริเวณหาดนายทอน จ.ภูเก็ต จำนวน 30 ไร่ติดทะเล โดยตั้งเป้าที่จะซื้อให้ครบ 100 ไร่อีกด้วยโดยอนาคตจะพัฒนาเป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียม จำนวน 200 ห้องอีกด้วย

สำหรับตระกูลสวาทยานนน์ ธุรกิจหลักจะทำอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นหลัก ก่อนที่จะรุกเข้ามาในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยปัจจุบันเป็นเจ้าของสัญญาเช่าอาคารมหาทุนพลาซ่า และเจ้าของบริษัท ศรีสยาม พรอพเพอร์ตี้ส์ จำกัด เจ้าของสัญญาเช่าอาคารไทย ซีซี ทาวเวอร์ โดยเป็นการถือหุ้นร่วมกับตระกูลศรีเฟื่องฟุ้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook