ปชป.ดาหน้าโต้อ๋อยข้อมูลเก่า

วันที่ 6 ก.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่วิจารณ์ความล้มเหลวการทำงานของรัฐบาล โดยระบุว่า รัฐบาลใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็น แต่การกล่าวหาว่ารัฐบาลประสบความล้มเหลวใน 5 เรื่องคือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น ถือว่ายังไม่ล้มเหลว เพราะการแก้ปัญหานี้เป็นเรื่องยาก และสั่งสมมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดก่อน ส่วนการแก้ไขความขัดแย้งในสังคม และสร้างความสมานฉันท์นั้น นายกฯได้เปิดให้ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่ โดยการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯไปแล้ว แต่พรรคพวกของนายจาตุรนต์กลับปลุกปั่นไม่ให้เกิดความสมานฉันท์ในสังคม อีกทั้งนายจาตุรนต์เองก็ได้เคยขึ้นเวทีปราศรัยให้กับเสื้อแดงมาก่อนหน้านี้ด้วย นายเทพไทยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ว่า นายจาตุรนต์เป็นรัฐมนตรีที่เคยได้รับมอบหมายให้ดูแลสถานการณ์แต่ข้อเสนอของนายจาตุรนต์กลับไม่มีหน่วยงานใดนำไปปฏิบัติ ผิดกับแนวทางของรัฐบาลขณะนี้ที่มีหลายหน่วยงานตอบรับ คิดว่านายจาตุรนต์คงอิจฉา จึงไม่อยากให้ความสำเร็จเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ ส่วนปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร รัฐบาลยังคงยืนยันใช้แนวทางการเจรจาในทางการทูต ประนีประนอม และสร้างความเข้าใจ เนื่องจากหนีความเป็นมิตรประเทศไม่พ้น รวมทั้งปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น อยากให้มีการหยิบยกขึ้นมาว่ามีอะไรบ้าง

น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายจาตุรนต์ ว่า ที่ระบุว่าส่วนหนึ่งที่รัฐบาลล้มเหลวเป็นเพราะการเข้าสู่อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาล ก็สับสนว่าเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร และความไม่ชอบธรรมที่นายจาตุรนต์อ้างว่ามาจากรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ที่ไม่เป็นประชา ธิปไตย ก็อยากถามกลับว่าที่ผ่านมาการบริหารราชการตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เหตุใดนายจาตุรนต์และพวกจึงไม่ออกมาทักท้วงบ้าง และการวิจารณ์การทำงานด้านเศรษฐกิจนั้น นายจาตุรนต์ก็เลือกพูดเฉพาะข้อมูลเก่าและไม่ครบถ้วน จงใจละเว้นข้อเท็จจริง

น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ทุกฝ่ายจะต้องหันมาใช้กระบวนการของรัฐสภาซึ่งถือเป็นทางออกสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งทางความคิดนำไปสู่ความแตกแยกและความรุนแรงในประเทศ และอยากเรียกร้องไปยังเครือข่ายนปช.หรือพรรคเพื่อไทยที่มือหนึ่งให้การสนับสนุนคณะกรรมการสมานฉันท์ ขณะเดียวกันอีกมือหนึ่งก็ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภาทำให้ประชาชนสับสนในบทบาทและความจริงใจ และอยากขอร้องทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มมวลชนจนเกิดความแตกแยกภายในประเทศ