ธ.หารายได้ปล่อยกู้อินเตอร์แบงก์

เมินสินเชื่อธุรกิจหวั่นเสี่ยงสูง

นางฤชุกร สิริโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์และติดตามฐานะ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยทิศทางการหารายได้ของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันว่า ธนาคารพาณิชย์ได้หันมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งปล่อยเงินกู้ระหว่างธนาคารด้วยกันเองมากขึ้น เพื่อรักษารายได้ของธนาคารให้อยู่ในแผนที่วางไว้ หลังจากที่เศรษฐกิจซบเซาทำให้รายได้จากการปล่อยสินเชื่อทุกประเภทลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อภาคธุรกิจและสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งจากตัวเลขในไตรมาส 1/52 ที่ผ่านมาพบว่า การปล่อยกู้ระหว่างธนาคารมีสัดส่วน 15.6% จากรายได้ทั้งหมด จากเดิมในไตรมาส 4/51 มีสัดส่วน 12.5% ขณะที่เงินลงทุนในตราสารหนี้ (รวมพันธบัตรรัฐบาล เอกชน และ ธปท.) ในไตรมาส 1/52 มีสัดส่วน 15.6% จากเดิมไตรมาส 4/51 มีสัดส่วน 14.9% แต่ถ้าิดเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตร ธปท. ในไตรมาส 1/52 มีสัดส่วน 9.9% จากเดิมไตรมาส 4/51 มีสัดส่วน 8.9%

ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์มีภาระต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝากจึงพยายามที่จะหารายได้เพื่อนำเงินมาจ่ายดอกเบี้ยให้กับลูกค้าในช่วงเศรษฐกิจซบเซา เพราะการหารายได้จากการปล่อยสินเชื่อเป็นไปได้ยากจึงต้องลงทุนในรูปแบบอื่น แต่เชื่อว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวธนาคารพาณิชย์เน้นหารายได้จากการปล่อยสินเชื่อเหมือนเดิม เพราะได้รับผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนประเภทอื่น นอกจากนี้หวังว่าโครงการการลงทุนของภาครัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้เอกชนหันมาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะทำให้การขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยเห็นว่าสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่จำนวน 2.2 ล้านล้านบาทเพียงพอนการปล่อยสินเชื่อในระบบ

ทั้งนี้ในปัจจุบันรายได้ของธนาคารพาณิชย์มาจากการปล่อยสินเชื่อ ลงทุนในพันธบัตรและปล่อยกู้ระหว่างธนาคารหรือดอกเบี้ยสุทธิในสัดส่วน 70% ที่เหลือ 30% มาจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เช่น อัตราแลกเปลี่ยน เงินลงทุน และค่าธรรมเนียม ส่วนรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 1/52 เทียบกับไตรมาส 4/51 ลดลง 8% ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในไตรมาส 1/52 เทียบไตรมาส 4/51 ลดลง 4.8% สำหรับแนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์เป็นอย่างไรนั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ต้องรอดูข้อมูลในสิ้นเดือน มิ.ย. ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร.