โฉนดชุมชน
จุดพลุขึ้นมาอีกแล้วสำหรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เรื่องของโฉนดชุมชน
แม้จะเป็นการหยิบเรื่องเก่ามาเล่าใหม่และได้มีการทำกันมาแล้วในหลายพื้นที่ แต่เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายรองรับโฉนดชุม ชนจึงยังเป็นเรื่องใหม่เสมอจนกว่าจะถูกกำหนดให้เป็นเอกสาร สิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน
ประเด็นหลักของโฉนดชุมชนคือการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐทุกประเภทของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นที่ดินสาธารณะ ที่ดินเพื่อการเกษตร ป่าสงวน ที่ราชพัสดุฯลฯ
ปัจจุบันมีที่ดินที่ประกาศให้เป็นของรัฐจำนวนมากถูกชาวบ้านบุกรุกเข้าไปถือครองและใช้ประโยชน์ บางส่วนอ้างว่าเข้าไป อยู่ก่อนที่รัฐจะออกประกาศ ขณะบางส่วนบุกรุกเข้าไปถือครองภายหลัง แต่สรุปโดยรวมก็คือเป็นการถือครองที่ดินอย่างผิดกฎหมาย
เป็นปัญหาคาราคาซังมาตลอดและมีแนวโน้มว่าจะมีการบุกรุกเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการเข้าไปถือครองเพื่อหาประโยชน์ส่วนตนและการรับจ้างกลุ่มทุนต่างถิ่นเข้าไปถือครองแทนหวังได้เอกสารสิทธิภายหลัง
มีการรวมกลุ่มของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เพื่อร่วมแก้ปัญหา เป้าหมายหลักคือการใช้ประโยชน์ที่ดินร่วมกันและให้ การใช้ที่ดินคงอยู่กับชุมชนแบบยั่งยืน ผลก็เลยออกมาตรงโฉนดชุมชนนั่นเอง
เป็นเอกสารถือครองสิทธิ์ที่ดินของคนในชุมชนที่ออกโดยการตกลงร่วมกัน มีประธานชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต. ฯลฯ เป็นผู้ลงนามรับรอง ไม่สามารถถ่ายโอนไปให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่สมาชิกของชุมชนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทนได้
ออกกันให้เกลื่อนไปหมดทั่วทุกภาค ไม่ว่าจะเป็นโฉนดช้างดำ ของชุมชน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่ อ.นาน้อย จ.น่าน ที่บ้านโฮ่ง บ้าน แพะใต้ จ.ลำพูน หรือที่บ้านโป่ง จ.เชียงใหม่
แต่โฉนดชุมชนทั้งหมดล้วนเป็นเอกสารสิทธิที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ใช้ได้เฉพาะกับคนในชุมชนเท่านั้น เช่นสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ขอกู้เงินกับธนาคารชุมชน (ที่ร่อนพิบูลย์) เป็นต้น
ที่สำคัญก็คือทั้งหมดล้วนเป็นที่ดินของรัฐ แล้วชาวบ้านในชุม ชนใช้สิทธิอะไรที่จะไปออกเอกสารสิทธิถือครองกันเอง
ควรแล้วที่รัฐบาลจะหยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นมาทำให้มันถูกต้อง ถือโอกาสที่เสียงในสภามีอยู่เหลือเฟือออกเป็นกฎหมายมารองรับเสียเลย ส่วนไหนทำได้หรือทำไม่ได้ก็ว่ากันไปอย่าให้เป็นปัญหา คาราคาซังค้างต่อไปอีก
หยิบของใต้ดินให้มาอยู่บนดินนั้นถูกแล้ว เหมือนกับเรื่องหวยนั่นแหละ เมื่อไหร่รัฐบาลจะกล้าขัดใจเจ้ามือหวยใต้ดินเสียที
