หวัด09คร่า11ชีวิตไทยมากสุดในเอเชีย สธ.ไม่ปิดประเทศขอคัดกรองนร.หน้าเสาธง-กล่อมร.ร.กวดวิชาปิด2สัปดาห์

หวัด09คร่า11ชีวิตไทยมากสุดในเอเชีย สธ.ไม่ปิดประเทศขอคัดกรองนร.หน้าเสาธง-กล่อมร.ร.กวดวิชาปิด2สัปดาห์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
หวัดใหญ่2009คร่าอีกรวม11 ชีวิตมากสุดในเอเชีย สธ.ขอให้โรงเรียนคัดกรองนักเรียนหน้าเสาธง ผอ.ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสู่คนชี้ไม่รุนแรงถึงขั้นปิดประเทศ กช.กล่อมร.ร.กวดวิชาชื่อดังให้ปิด 2 สัปดาห์ หวัดใหญ่2009คร่าอีก2ชีวิต

ผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 11 ราย โดยนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ว่าผู้เสียชีวิตรายที่ 10 เป็นชายอายุ 19 ปี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคม แต่ไม่ยอมนอนโรงพยาบาล ต่อมาวันที่ 2 กรกฎาคม เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลวชิรภูเก็ต แพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจช่วยชีวิตเนื่องจากอาการหนัก และเอ็กซเรย์พบปอดบวมทั้งสองข้าง มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอดจำนวนมาก และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นายมานิตกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 11 เป็นหญิงอายุ 21 ปี อยู่ กทม. ตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน และมีโรคประจำตัวคือธัยรอยด์ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ได้รับแจ้งว่าเป็นคออักเสบให้กลับไปพักที่บ้าน ต่อมาวันที่ 6 กรกฎาคม เวลาประมาณเที่ยงคืน ได้เข้ามารับการรักษาที่วชิรพยาบาลด้วยอาการไข้สูง หายใจหอบ ไอ ผลเอ็กซเรย์พบปอดอักเสบทั้งสองข้าง เสียชีวิตในวันเดียวกันเวลา 15.00 น.

ยอดติดเชื้อสะสม2,714ราย

ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย สำนักระบาดวิทยาได้ทราบผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเมื่อเย็นวันที่ 7 กรกฎาคม พบยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นายมานิตกล่าว และว่า ขอย้ำเตือนผู้ที่มีอาการไข้หวัด และมีไข้ หากภายใน 1-2 วันไข้ไม่ลด มีอาการมากขึ้น ควรให้มาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

นายมานิตกล่าวถึงจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 290 ราย รวมผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 2,714 ราย หายเป็นปกติแล้ว 2,593 ราย เสียชีวิต 11 ราย เป็นเด็กหญิง 1 ราย เป็นผู้ใหญ่ 10 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาย 6 ราย หญิง 4 ราย ขณะนี้ยังมีผู้ป่วยอยู่ในการดูแลในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 110 ราย ได้กำชับให้ทีมแพทย์ให้การรักษา ติดตามอาการอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัยในชีวิตมากที่สุด

วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ สธ.ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งดูแลโรงพยาบาลเอกชน และกรมการแพทย์ซึ่งดูแลในเรื่องมาตรฐานการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จัดอบรมฟื้นฟูวิชาการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล เรื่องแนวทางการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ป่วย และจะเร่งขยายการอบรมทั่วประเทศต่อไป นายมานิตกล่าว

คัดกรองนักเรียนหน้าเสาธง

นายชินภัทร ภูมิรัตน ปลัด ศธ. กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมกับนักวิชาการ สธ. ว่าที่ประชุมได้ขอความร่วมมือให้โรงเรียนทั่วประเทศตรวจสอบนักเรียนในช่วงกิจกรรมหน้าเสาธง เพื่อคัดกรองนักเรียนที่เป็นไข้หวัดไปรักษา จึงได้ประสานไปยังคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) แล้ว และทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือไปยังผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เพื่อแจ้งให้โรงเรียนทราบและตรวจสอบนักเรียนในวันเปิดเรียน 9 กรกฎาคม นอกจากนี้ทาง สธ.ยังได้เสนอให้มีการรณรงค์ด้านสุขอนามัย โดยจะขอความร่วมมือในช่วงวันที่ 13-26 กรกฎาคมนี้ ครอบคลุมโรงเรียนและโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศ รวมทั้งร้านอินเตอร์เน็ตและร้านเกมด้วย

จะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ในการประชุมผู้บริหาร 5 องค์กรหลักในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ ว่าจะมีมาตรการในเรื่องนี้อย่างไร รวมทั้งกรณีที่มีการเสนอให้ปิดโรงเรียนกวดวิชา 2 สัปดาห์ด้วย นายชินภัทรกล่าว

ไม่รุนแรงถึงขั้นปิดประเทศ

นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสู่คน กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการปิดประเทศ แต่หากในอนาคตมีการระบาดในรอบที่ 2 ซึ่งธรรมชาติของโรคจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่คาดว่าจะทำให้อัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60-80 ถึงเวลานั้นคงไม่มีใครกล้าที่จะออกจากบ้านแล้ว และต้องมีการหยุดการทำกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งใช้มาตรการปิดประเทศไปโดยปริยาย

นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับ 10 กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้อัตราการป่วยตายของประเทศไทย ยังไม่เกินร้อยละ 0.5 เป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ สถานการณ์ยังไม่รุนแรงหนักจนต้องออกมาตรการปิดประเทศ ซึ่งการปิดประเทศไม่ได้หมายถึงการห้ามคนเดินทางเข้า-ออกประเทศ แต่หมายถึงการหยุดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ของประชาชน หยุดกิจกรรมการชุมนุม เช่น ปิดโรงเรียน หยุดงาน ปิดโรงหนัง ฯลฯ โดยที่ผ่านมามีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่ดำเนินการดังกล่าว คือ เม็กซิโก และอาร์เจนตินา เนื่องจากมีอัตราการป่วยตายมากกว่าร้อยละ 2

เหยื่อหวัด 9 รายมีโรคประจำตัว

การสั่งหยุดกิจกรรมชุมนุมคนในประเทศนั้น ไม่ได้คิดจะทำก็ทำได้ เพราะต้องมีเงื่อนไขควบคุมความรุนแรงของโรค โดยใช้อัตราป่วยตายเป็นเกณฑ์การแบ่งระดับความรุนแรง โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) กำหนดเกณฑ์ไว้ 5 ระดับ ได้แก่ ระดับ 1 รุนแรงต่ำสุด คือ มีอัตราป่วยตายไม่ถึงร้อยละ 0.1 ระดับ 2 มีอัตราป่วยตาย ไม่ถึงร้อยละ 0.5 ระดับ 3 อัตราป่วยตายไม่ถึงร้อยละ 1 ระดับ 4 มีอัตราป่วยตาย ไม่เกินร้อยละ 1.5 และระดับ 5 รุนแรงมากที่สุด มีอัตราป่วยตาย ร้อยละ 1.5-2 ซึ่งหากประเทศมีอัตราป่วยตายสูงในระหว่างนี้ ก็จะต้องดำเนินมาตรการหยุดกิจกรรมชุมนุมคน นพ.คำนวณกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุของการเสียชีวิตมาจากโรคแทรกซ้อนหรือเชื้อไวรัส นพ.คำนวณกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 11 คน มี 9 คนที่มีโรคประจำตัว เช่น ไต หัวใจพิการแต่กำเนิด อ้วน เนื้องอกในสมอง และธัยรอยด์ ถือว่ามีภาวะเสี่ยงสูงที่จะเกิดการป่วยตายได้ ส่วนอีก 2 ราย ไม่มีประวัติว่ามีโรคประจำตัว แต่จากการสอบสวนโรคพบว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ มาพบแพทย์ช้า ทำให้อาการหนักรุนแรงและมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง

ไทยเสียชีวิตมากสุดในเอเชีย

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ได้ให้นโยบายไปว่า ทุกโรงพยาบาลจะต้องมีช่องทางพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะ โดยจะเขียนคำว่า ช่องทางพิเศษไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นการบริการพิเศษ เพื่อตรวจและเริ่มรักษา โดยวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ได้มอบให้ปลัด สธ.ประสานไปยังโรงพยาบาลรัฐและเอกชนเพื่อให้เข้าระบบทั้งหมด

ทั้งนี้ จากรายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างเป็นทางการใน 136 ประเทศ รวมผู้ป่วย 94,512 ราย เสียชีวิต 429 ราย อัตราป่วยตาย ร้อยละ 0.45 ประเทศที่มีอัตราป่วยตายสูงสุด ได้แก่ อาร์เจนตินา ร้อยละ 2.41 อุรุกวัย ร้อยละ 0.88 สาธารณรัฐโดมินิกัน ร้อยละ 1.85 โคลัมเบีย ร้อยละ 1.69 และเม็กซิโก ร้อยละ 1.16 สำหรับประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเอเชียคือ 11 ราย ขณะที่จีนมีผู้ป่วยยืนยัน 2,266 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยยืนยัน 2,134 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ส่วนประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยมากที่สุดในโลก คือ สหรัฐอเมริกา 33,902 ราย เสียชีวิต 170 ราย

หวัด2

มาร์คติวเข้มป้องกันติดเชื้อ

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเรียกนายวิทยา ปลัด สธ. และเจ้าหน้าที่ สธ.เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า เป็นการหารือเพื่อสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาด ก่อนที่จะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ เนื่องจากดูจากตัวเลขการติดเชื้อแล้วเห็นว่า ต้องการได้รับความร่วมมือ และต้องใช้มาตรการกับแหล่งที่มีการติดเชื้อมากที่สุด ขณะนี้พบว่า เป็นโรงเรียนกวดวิชากับร้านเกม โดยจะขอความร่วมมือและมีมาตรการเพิ่มเติม ที่เป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งจะต้องไปดูเรื่องอำนาจหน้าที่และข้อกฎหมาย ส่วนรายละเอียดจะชัดเจนหลังประชุม ครม.

อยากย้ำว่า ในภาพรวม สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับความเป็นจริง ไม่มีประเทศใดสามารถสกัดกั้นการติดเชื้อของคนได้ และหลายประเทศถือเรื่องนี้เป็นโรคติดต่อตามปกติ ส่วนตัวเลขที่มีการรายงานนั้นเป็นตัวเลขที่มีการยืนยันโดยห้องปฏิบัติการ โดยในข้อเท็จจริงแล้ว ทุกประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ จะมีคนที่ติดเชื้อมากกว่าที่มีการรายงาน นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า สิ่งที่พยายามทำคือ จะมีระบบการรักษาอย่างไร ไม่ให้เกิดการเสียชีวิตต้องทำให้ดีที่สุด เพราะอัตราการเสียชีวิตของไทยขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 0.4 ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยของโลก แต่ต้องทำให้ดีกว่านี้ ต้องดูว่าตรงไหนสามารถหยุดหรือบรรเทาการแพร่ระบาดได้ แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปพูดเรื่องการปิดประเทศ หรือการทำให้ชีวิตไม่ดำเนินไปตามปกติ

กช.กล่อมร.ร.กวดวิชาชื่อดัง

นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 กรกฎาคม จะหารือกับทางคณะผู้บริหารสมาคมโรงเรียนกวดวิชาก่อนว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอของ สธ.ที่จะขอให้ปิดโรงเรียนกวดวิชาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ นอกจากนี้จะไปพูดคุยกับเจ้าของโรงเรียนกวดวิชาแถวสยามสแควร์และที่อาคารวรรณสรณ์ ถนนศรีอยุธยา ด้วยว่ารับได้หรือไม่ ต้องเข้าใจโรงเรียนกวดวิชาด้วย เพราะก่อนหน้านี้กระทรวงศึกษาธิการได้ขอความร่วมมือให้ปิดไปแล้ว 3 วัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook