ตลาดประชุมนานาชาติส่งสัญญาณฟื้นไทยรับจัด18ประชุม
นางสุประภา โมฬีรตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมว่า ตลาดการประชุมนานาชาติในประเทศไทย มีสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัว โดยประเมินจากปัจจัยบวกสองประการ คือ ประเทศไทยยังได้รับการตอบรับสูงมากในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติ ขณะที่สถิติจากองค์กรการจัดประชุมระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยและกรุงเทพ ยังคงครองความนิยมในการเป็นสถานที่จัดงานประชุมทั้งในภูมิภาคและระดับโลก
สสปน. เผยถึงผลการดำเนินงาน 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการประมูลสิทธิ์การจัดประชุมนานาชาติและสามารถดึงงานเข้ามาจัดในประเทศไทยได้รวม 18 งาน มีผู้ที่จะเข้าร่วมประชุมทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมทั้งสิ้นประมาณ 17,000 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 13,000 คน คิดเป็นยได้กว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้งานประชุมระดับชาติที่ตอบรับเลือกไทยเป็นเจ้าภาพมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างปีค.ศ. 2009-2016 อาทิ การประชุมวิชาการนานาชาติทางด้านพยาธิวิทยา ปีค.ศ. 2014 (The Biennial Congress of IAP International Academy of Pathology for 2014) มีผู้จะเข้าร่วมประชุม 2,500 คน และการประชุมเกี่ยวกับโรคหัวใจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 19 ปีค.ศ. 2013 (The 19th Asian Pacific Congress of Cardiology (19th APCC) มีจำนวน 2,000 คน ฯลฯ
จากสถิติในปีที่ผ่านมาของ ICCA ซึ่งเป็นองค์กรการจัดประชุมนานาชาติระดับโลก ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 6 ของประเทศชั้นนำในการจัดงานประชุมนานาชาติสูงสุดของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง ด้วยจำนวนงาน 95 งาน โดยมีประเทศญี่ปุ่น มาเป็นลำดับหนึ่ง มีงานประชุม 247 งาน จีนเป็นลำดับที่สอง มี 223 งาน และออสเตรเลียอยู่ในลำดับที่สาม มี 182 งาน
นอกจากนี้ กรุงเทพยังเป็น 1 ใน 5 เมืองชั้นนำของเอเชีย รองลงมาจากสิงคโปร์ โซล ปักกิ่ง ตามด้วยโตเกียว เป็นอันดับสุดท้าย ที่จัดอยู่ในกลุ่ม 20 เมืองยอดนิยมจัดงานประชุมนานาชาติของโล โดยมีปารีสและเวียนนา เป็นอันดับหนึ่ง คือ ทั้งสองเมืองมีจำนวนการจัดงานเมืองละ 139 งานเท่ากัน รองลงมาคือ บาร์เซโลน่า มี 136 งาน และสิงคโปร์ มี 118 งาน
"ทั้งสองปัจจัยนี้ เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่สำคัญว่า ประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมในการเลือกเป็นสถานที่จัดประชุมระดับชาติของกลุ่มผู้เดินทางไมซ์จากทั่วโลก และกลุ่มนี้กำลังเริ่มจะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย แม้ว่าที่มาตลาดการประชุมจะได้รับผลกระทบทั้งจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และปัญหาการเมืองในประเทศจนลดลงไปมากก็ตาม นางสุประภา กล่าว
