นายมหาเศรษฐี

นายมหาเศรษฐี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คอลัมน์ เมืองไทย25น.

ผ่านพ้นเทศกาลวันหยุดยาวติดต่อกัน (อีกครั้ง) ของปีนี้ไปเรียบร้อยท่ามกลางคำถามจากหลายคนว่าทำให้เศรษฐกิจของประเทศคึกคักมากน้อยเป็นมูลค่าเท่าไหร่

เพราะดูเหมือนว่าคนไทยจะสมัครใจอยู่โยงนอนเฝ้าบ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ไม่กล้าออกไปเที่ยวด้วยกลัวติดไข้หวัด 2009 ที่กำลังแพร่ระบาด

กลายเป็นโรคแทรกซ้อนที่ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้มีวันหยุดยาวของรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวังเอาไว้

ยังสงสัยกันอยู่ว่าวิธีการแทรกวันหยุดพิเศษเข้าไปในช่วงวันหยุดประจำปีในลักษณะฟันหลอเพื่อเติมเต็มนั้นมันดีหรือไม่ดี สามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของชาวบ้านได้จริงหรือไม่

อย่าถามคนทำงานประจำเพราะการมีวันหยุดเพิ่มไม่ว่ากรณีใดล้วนประเสริฐทั้งสิ้น แต่ควรหาคำตอบจากผู้ประกอบธุรกิจในฐานะเป็นแกนของภาคเศรษฐกิจว่าพวกเขามีความเห็นเช่นไร

โดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังประสบกับวิกฤต ผลิตสินค้าแล้วขายไม่ออก มีการเลิกจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก

ในกรณีของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ การมีวันหยุดมากเท่าไหร่ก็เท่ากับว่ามีวันทำงานเพื่อหาเงินน้อยลงเท่านั้น ขณะผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและบริการขนาดเล็กซึ่งมีรายได้หลักจากวันหยุดกลับได้รับประโยชน์เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มวันขายสินค้าให้กับพวกเขามากขึ้น

การให้มีวันหยุดประจำปีมากขึ้นเพื่อชาวบ้านจะได้ออกไปจับจ่ายใช้สอยเงินนั้นกำลังเป็นกระแสใหม่ของโลกที่เริ่มมีการทำกันหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ฯลฯ

หลักคิดของเรื่องนี้มีเพียงว่าเมื่อชาวบ้านมีวันหยุดยาวก็จะพากันออกไปท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยเงินซึ่งจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจของประเทศคึกคักขึ้น

ความสำเร็จหรือล้มเหลวของหลักคิดนี้ดูจะผูกไว้กับเงื่อนไขบางประการ เช่น คนในประเทศนั้นจะต้องมีรายได้สูง มีเงินออมมากพอสมควร และเป็นดินแดนสวยงามน่าเที่ยว

กรณีของบ้านเราเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวอาจไม่ใช่ปัญหาล้วนสวยงามน่าไปเยือนทั้งนั้น แต่การมีเงินออมมากต่างหากที่ยังสงสัยกันอยู่

เพราะคนเราถ้าไม่มีเงินเสียอย่างต่อให้มีวันหยุดยาวขนาดไหนก็ไม่มีปัญญาไปเที่ยวได้อยู่ดี

เลยทำให้สงสัยกันว่าสาเหตุแท้จริงที่วันหยุดยาวรอบนี้คนไทยไม่ออกไปเที่ยวกันมากนั้นเป็นเพราะกลัวโรคไข้หวัด 2009 หรือเนื่องจากไม่มีเงินกันแน่

หลายคนยังเทน้ำหนักไปที่กรณีหลัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook