หวั่นเศรษฐกิจไทยติดเชื้อหวัดงอม ชี้ลามถึงก.ย.จีดีพีดิ่งพสุธา-ค้านปิดประเทศคุมโรค
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ไข้หวัด 2009 เริ่มมีน้ำหนักต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดังนั้น รัฐบาลจึงควรควบคุมการระบาดให้ดีขึ้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะปิดประเทศหรือสนามบิน แต่ควรเพิ่มมาตรการควบคุมโรคให้เข้มข้นมากขึ้น ขณะนี้ไทยติดอันดับผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับที่ 2 ในกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองจากออสเตรเลีย หรือคิดเป็นอัตรา 0.4% ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น ไม่พบผู้เสียชีวิตเลย
ทั้งนี้ หากรัฐบาลไทยสามารถยับยั้งการเสียชีวิตและควบคุมการระบาดหยุดการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อได้ภายในเดือนก.ค.นี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) สามารถฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4 ตามเดิมในอัตรา 1-2% ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมทั้งปี52 ขยายตัวติดลบ 3.5-4.5% แต่หากไทยยังมีคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น การระบาดลุกลามไปจนถึงเดือนก.ย. อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวจะถูกบั่นทอน ทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามเป้าหมายในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายจีดีพีของไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ เติบโตลดลงเหลือ 0-1% ฉุดให้การเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมทั้งปี ขยายตัวติดลบเพิ่มขึ้นอีก 0.3% โดยทั้งปีจะติดลบสูงถึง 3.8-4.8%
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ตัวเลขจำนวนคนป่วยและตายในประเทศไทยจากไข้หวัด 2009 น่าตกใจมาก แต่หากเปรียบเทียบกับโรคซาร์สและไข้หวัดนกจะพบว่าสถานการณ์ครั้งนั้นรุนแรงกว่ามาก แม้ไข้หวัด 2009 จะกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้างแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ยกเลิกเที่ยวบิน เช่น ซาร์สหรือหวัดนก ดังนั้นจึงคาดว่าจะไม่มีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐ กิจจนต้องสะดุดลงไป หรือกระทบต่อจีดีพีจนเป็นนัยยะสำคัญ แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าหลังจากนี้จะมีเหตุ การณ์รุนแรงเช่นเดียวกับซาร์สหรือหวัดนกจนทำให้ต้องยก เลิกเที่ยวบินหรือไม่ ส่วนการเรียกร้องให้ปิดประเทศนั้นถือ ว่าเร็วเกินไปที่จะพูด