สุเทพบอกพธม.เว้นนายกฯไว้ ท้าให้ฟ้องตัวเองยันรัฐบาลพร้อมสู้ เหน็บทำอะไรถูกใจก็ชอบไม่ถูกใจก็ชัง

เทพเทือกป้องนายกฯขอพันธมิตรฯเว้นนายกฯไว้ให้ฟ้องตัวเองยันไม่ได้ท้าทาย รัฐบาลพร้อมสู้ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เหน็บทำอะไรถูกใจเขาก็ชอบไม่ถูกใจก็ชัง พธม.กร้าวจะฟ้องกลับกับทุกคนที่เกี่ยวข้องตั้งข้อหากษิต มาร์คเป็นจำเลยที่ 1 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะฟ้องกลับนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องกับการออกหมายเรียก ข้อหาก่อการร้ายว่า ถือเป็นสิทธิของกลุ่มพันธมิตร แต่ถ้าฟ้องนายกรัฐมนตรี คงไม่ถูก เพราะนายกฯ มอบหมายให้ตนดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น ที่จริงแล้วต้องฟ้องตน แต่ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่การท้าทาย อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการฟ้องร้องจริง รัฐบาลต้องเตรียมต่อสู้

เมื่อถามว่า รัฐบาลวิตกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นการทำหน้าที่อย่างไม่เข้าใครออกใคร เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าทำอะไรถูกใจเขาก็ชอบ ถ้าไม่ถูกใจเขาก็ชัง ถือเป็นธรรมดา เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกี่ยวโยงกับการปรับนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หนึ่งในผู้ถูกออกหมายเรียก พ้นจากครม.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้ามีใครว่าร้ายว่า คนในรัฐบาลหรือตนมุ่งจะปรับนายกษิตออ เพราะต้องการตัดกำลังพรรคการเมืองใหม่ ถือว่าเป็นบาปกับตัวเอง เพราะตนไม่ได้เป็นอย่างนั้น

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะไม่หาคนเตรียมสำรองไว้บ้างหรือ นายสุเทพ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ก็คงไม่ง่าย ส่วนเรื่องที่กกต.เตรียมจะพิจารณากรณีของภรรยานายกษิตถือหุ้น ที่มีสัมปทานกับรัฐนั้น คงเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้ยังมีขั้นตอนดำเนินการอีกยาว ยังสู้กันอีกหลายยก

ก่อนหน้านี้แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกในคดีบุกยึดท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ได้หารือร่วมกันถึงแนวทางการต่อสู้คดีที่บ้านพระอาทิตย์ วันที่ 9 กรกฎาคม โดยใช้เวลาประมาณร่วม 2 ชั่วโมง

ภายหลังการหารือ นายสุวัตร์ อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ แถลงว่า ในวันที่ 16 กรกฎาคม เวลา 09.00 น.แกนนำทุกคนจะเดินทางไปที่สโมสรตำรวจตามหมายเรียก แต่จะใช้สิทธิเพื่อโต้แย้งตามกฎหมาย เนื่องจากทุกคนเห็นว่าข้อกล่าวหาที่ระบุว่าผิดฐานก่อการร้ายเป็นการตั้งข้อกล่าวหาเท็จ เนื่องจากการชุมนุมไม่ได้ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่ท่าอากาศยาน

"จะฟ้องกลับกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะเป็นจำลยที่ 1 เนื่องจากเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะฟ้องกลับในฐานความผิดมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และมาตรา 200 กลั่นแกล้งบุคคลให้รับโทษโดยที่ไม่ได้กระทำความผิด และขอตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งข้อกล่าวหานายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ เพราะนายกษิตขึ้นเวทีเพียงครั้งเดียว และมาในฐานะนักวิชาการที่รับเชิญมา แต่คนอื่นเช่นนายพิเชษฐ์ พัฒนโชติ อดีตส.ว.นครราชสีมา ขึ้นเวทีหลายครั้ง แต่กลับไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่บางคนเป็นแค่คนส่งข้าว ก็ถูกตั้งข้อกล่าวหา การต่อสู้ของพันธมิตรฯ ครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับสังคมต่อไป

ด้านพล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ในแกนนำที่ถูกหมายรียก ยืนยันว่า ในการหารือไม่มีใครวิตกกังวลหรือทุกข์ร้อนต่อข้อกล่าวหา เพราะเป็นข้อกล่าวหาเท็จ