อ้างราคาตลาดโลกฮวบ-สนพ.อุ้มปั๊มฟันค่าต๋ง กรณ์ชงครม.ขึ้นภาษีน้ำมันอีกรอบ

อ้างราคาตลาดโลกฮวบ-สนพ.อุ้มปั๊มฟันค่าต๋ง กรณ์ชงครม.ขึ้นภาษีน้ำมันอีกรอบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงมากถึง 2 ครั้ง กระทรวงการคลังจึงจะนำมาตรการภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลับมาทบทวนอีกรอบ เพื่อพิจารณาถึงความสมดุลและความเหมาะสมของราคาและอัตราภาษีกับภาระต่อประชาชนและต้นทุนทางธุรกิจที่มีน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญ โดยวันอังคารที่ 14 ก.ค.52 จะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครม.

ยืนยันเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะยังยืนที่ 10 บาท/ลิตร แต่เพดานกับอัตราแตกต่างกัน อัตราภาษีเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังจะกำหนดโดยพิจารณาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ นายกรณ์กล่าว

ทั้งนี้ โดยทั่วไปถ้าไม่จำเป็นรัฐบาลไม่อยากเพิ่มภาระภาษีให้ประชาชน เพราะฉะนั้นในกรณีที่รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาภาษี ก็ต้องดูให้ยุติธรรม ไม่เป็นภาระกับประชาชนมากไป ซึ่งน้ำมันเป็นสินค้าทุนของการประกอบการทุกอาชีพ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นภาระต้องนำเข้าเชื้อเพลิง รัฐบาลมีนโย-บายพลังงานทดแทนที่ไทยมีศักยภาพผลิตวัตถุดิบ จึงต้องบริหารราคาให้สมดุล

ในการประชุมครม.วันที่ 14 ก.ค.นี้ จะพิจารณามาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ตามโครงการ 5 มาตรการ 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนก.ค.นี้ โดยจะทบทวนแต่ละมาตรการตามความจำเป็นและความเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องรถเมล์ฟรี ค่าน้ำประปา และ ไฟฟ้าฟรี ตลอดจนการดูแลราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือประชาชนด้วยการขยายช่วงระยะเวลาการใช้มาตรการออกไปอีก ทางกระทรวงการคลังก็พร้อมจัดหาเงินเพิ่มเพื่อรับภาระของมาตรการดังกล่าว นายกรณ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพ.ร.ก.การขยายเพดานจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันมีผลบังคับเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 14 พ.ค.52 โดยเพิ่มจาก 5 บาท/ลิตรเป็น 10 บาท/ลิตร แต่มีการจัดเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 บาท/ลิตร ทำให้ยังเพิ่มภาษีส่วนนี้ได้อีก

นายชวลิต พิชาลัย รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สนพ.ร่วมหารือกับกระทรวงการคลังถึงกรณีน้ำมันแพงในช่วงนี้ ซึ่งกรมสรรพสามิตมีแนวคิดที่จะให้กำหนดอัตราที่ตายตัวของค่าการตลาดน้ำมัน และค่าขนส่ง จากขณะนี้ที่ค่าการตลาดจะขึ้นๆ ลงๆ ตามราคาน้ำมันตลาดโลก ทางสนพ.ชี้แจงไปว่า ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันมีสัดส่วนที่ต่ำประมาณ 5% และค่าการตลาดที่เหมาะสมก็อยู่ที่ 1.50 บาท/ลิตร ขณะที่ค่าขนส่งจะยึดตามระยะทางจากคลังเก็บน้ำมัน ถือเป็นการกำหนดที่เป็นธรรมต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ค้ามากที่สุดแล้ว ซึ่งหากกำหนดค่าการตลาดตายตัวถือว่าเป็นการค้าที่ไม่เสรี

รายงานข่าวจากสนพ. แจ้งว่า ได้เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของดีเซล 40 ส.ต./ลิตร และบี 5 เพิ่ม 70 ส.ต./ลิตร มีผลวันที่ 11 ก.ค. เพื่อนำมาลดภาระกองทุนน้ำมันในการชดเชยภาษีสรรสามิตน้ำมันที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook