ชวนแนะสธ.พูดความจริงหวัด 09พร้อมให้ความรู้ปชช.

ชวนแนะสธ.พูดความจริงหวัด 09พร้อมให้ความรู้ปชช.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้ารับฟังการบรรยายของบุคคลากรด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ 2009 พร้อมแนวทางการป้องกัน โดยมีผู้เข้าร่วมอาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตนีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ยง ภู่วรวรรณ อาจารย์ประจำคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อไวรัส องค์การอนามัยโลก นพ.พิทยา จารุพูนผล คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พญ.จริยา แสงสัจจา รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร พญ.มาลิณี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม. และส.ส.ปชป.จำนวนหนึ่ง

ภายหลังการหารือนานกว่า 3 ชั่วโมง 30 นาที นายชวน กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขต้องดำเนินการต่อ คือ การพูดความจริงและให้ความรู้กับประชาชน รวมทั้งการให้คำแนะนำที่ถูกต้อง อย่าเบื่อหน่ายกับการให้ความรู้กับประชาชน เพราะทุกคนมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคนี้ คนที่สงสัยว่าเป็นหรือเป็นน้อยก็ไม่จำเป็นต้องมาตรวจร่างกายกันทุกคน แต่ถ้าเป็นมากๆ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องมาตรวจ อย่างที่ได้รับรายงานก็ทราบว่าต่างประเทศก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมาตามฤดูกาล ดังนั้น การให้ความจริงไม่ปกปิด และให้คำแนะนำและความรู้เหมือนเป็นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน นอกจากนี้อยากให้ประชาชนเชื่อมั่นประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับด้านสาธารณสุข และมีผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพจำนวนมาก จึงเชื่อว่าในอนาคตจะสกัดกั้นได้

ด้านนพ.ยง แถลงว่า ได้เข้ามารายงานสถานการณ์ไข้หวัด 2009 แต่ยอมรับว่าทั่วโลกได้มีการระบาดมากกว่า 120 ประเทศ และมีผู้ป่วยจำนวนนับแสน ซึ่งไม่แปลกที่จะมีการระบาดในประเทศไทย โรคนี้ไม่สามารถหยุดยั้งได้ภายใน 1-3 เดือน แต่มีแนวโน้มระบาด 1-3 ปี และจำนวนผู้ป่วยจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามาดูความรุนแรงก็จะพบว่ามีหลายระดับ คือตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงเสียชีวิต ซึ่งทุกคนสามารถเป็นได้ทั้งนั้น โดยคนที่เสียชีวิตไปแล้วอยู่ในกลุ่มเสี่ยงคือคนที่เป็นโรคปอด หัวใจ หอบหืด ผู้สูงอายุและเด็ก อย่างไรก็ตามหากมีคนติดเชื้อ 1 คน จะสามารถแพร่กระจายโรคไปได้ 1.5-2 คน แต่หากป้องกันดี ๆ จะลดอัตรการแพร่กระจายลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะน่าตกใจ เพราะจากการประมาณการพบว่าใน 1-2 ปีนี้จะมีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยถึง 1,200 คน ซึ่งถ้ามีมาตรการที่เข้มข้นดูแลอย่างเต็มที่สามารถลดอัตราการตายได้ถึงครึ่งหนึ่ง คือไม่น่าจะเกิน 600 คน

ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนก อยากฝากว่าใครที่มีอาการไม่จำเป็นต้องมาตรวจทุกราย เพราะกระบวนการรักษายังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่จะทำให้เมื่อมีคนมาตรวจจำนวนมาก ภาระจะล้นมือ และบุคคลากรแทนที่จะไปทุ่มอยู่กับคนที่มีภาวะเสี่ยงกลับต้องมาต้องดูแลทุกคน นพ.ยง กล่าว

ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอให้รัฐบาลประกาศให้การแก้ปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติว่า รัฐบาลได้ประกาศเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติไปแล้วตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากพบผู้ป่วยคนแรกในประเทศไทย

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสรุปการหารือว่า ที่ประชุมได้หารือใน 4 ประเด็น คือ 1. แนวทงการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขเป็นไปตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก 2. ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ให้ข้อมูลแก่ประชาชนโดยไม่ปิดบังเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา 3. ชื่นชมการเปิดให้ประชาชนเข้าถึงยาทามิฟูล อย่างไร้ปัญหา และ 4. ที่ประชุมได้มีการเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน อสม.ทั่วประเทศ ให้รณรงค์และยับยั้งการแพร่ระบาด โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาฯ ที่มีกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 11-21 ปี จะเป็นไข้หวัดกันมาก ถ้าเข้าร่วมรณรงค์กันได้ก็จะหยุดการแพร่ระบาดได้ระดับหนึ่ง ขณะที่กระทรวงแรงงานจะต้องประสานไปยังสถานประกอบการต่างๆ ให้รณรงค์ให้ทุกคนตื่นตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook