ลัดฟ้าเยี่ยมฒเฌอรี่ฒแดนมังกร พิสูจน์เพชรเม็ดงามใหม่แห่งยนตรกรรมไทย
พิสูจน์เพชรเม็ดงามใหม่แห่งยนตรกรรมไทย
สาโรจน์ มณีรัตน์
ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องรถยนต์อย่างเอกอุหรอก ?
แต่บังเอิญได้รับเกียรติจากบริษัท ไทยเฌอรี่ยานยนต์ จำกัด ให้ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์เฌอรี่ ณ เมืองหวูหู มณฑลอันฮุย ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
พูดง่ายๆ ก็คือให้ไปดูนวัตกรรมทางด้านยานยนต์ของรถยนต์เฌอรี่ ที่ว่ากันว่าเป็นแบรนด์อันดับ 1 ใน 5 ของผู้ผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของประเทศจีน ทั้งยังเป็นแบรนด์ที่มีการผลิตเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ อีกกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
รวมทั้งประเทศไทยด้วย !
ทั้งนั้นเพราะบริษัทในประเทศไทยคือบริษัท ไทยเฌอรี่ ยานยนต์ จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ร่วมทุนกันเพื่อจะนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบรนด์เฌอรี่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
เหตุนี้เอง สื่อมวลชนจากฉบับต่างๆ จึงบินลัดฟ้าไปยังเมืองหวูหู มณฑลอันฮุย ที่ว่ากันว่าเป็นเมืองแห่งยนตรกรรมเฌอรี่ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน เพื่อพิสูจน์คำกล่าวที่ว่ารถยนต์ของประเทศจีนดีจริงๆ หรือ
หรือจะเหมือนกับสินค้าอื่นๆ
ที่ใช้ได้ไม่เท่าไหร่ก็เจ๊งเสียแล้ว
อย่างที่ผมบอก ผมไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับยานยนต์ แค่เพียงเคยไปดูโรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้าที่ประเทศญี่ปุ่นมาบ้าง และมีโอกาส test drive รถยนต์โอเปิล ซาฟิรา ที่ประเทศเยอรมนี-โปรตุเกส ก่อนที่จะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราในนามเชฟโรเลต ซาฟิราก็แค่นั้น
ซึ่งเป็นความรู้แค่หางอึ่งจริงๆ
แต่เมื่อได้เหยียบย่างเข้าไปในแต่ละส่วนของโรงงานผลิตรถยนต์เฌอรี่ นับตั้งแต่เข้าไปในส่วนของโรงงานเครื่องยนต์, โรงงานเชื่อมตัวถัง, โรงงานพ่นสี, โรงงานประกอบชิ้นส่วน และอาคารแผนกวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R & D) ก็ทำให้เราทราบว่าในทุกๆ ขั้นตอนของการผลิตรถยนต์เฌอรี่นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
ไม่ธรรมดาเพราะข้อมูลบางส่วนที่เป็นข้อมูลลับ แต่ทางผู้บริหารระดับสูงอย่าง โจ ไบเร็น ประธานกรรมการบริษัท เฌอรี่ ออโตโมบิล จำกัด แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กลับเปิดให้สื่อมวลชนไทยเข้าชมกันอย่างทุกรายละเอียด
ยกเว้นเพียงอาคารแผนกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R & D) เท่านั้นที่เปิดให้ชมแต่เพียงบางส่วน แต่กระนั้น ก็ทำให้เห็นว่าทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยวิศวกรและช่างเทคนิคที่มีมากกว่า 5,000 คน
ซึ่งแต่ละคนล้วนจบปริญญาตรีมากกว่าหลายพันคน ปริญญาโทกว่า 340 คน ปริญญาเอกกว่า 58 คน นอกนั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านรถยนต์ และนักวิชาการทางด้านการบริหารที่มาจากต่างประเทศกว่า 100 คน
ล้วนต่างเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง
เพราะบุคลากรเหล่านี้ถือเป็นผู้มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดรถยนต์ต้นแบบในอนาคตทั้งสิ้น
ฉะนั้น ต่อคำถามที่ว่าทุกรายละเอียด และทุกๆ ขั้นตอนของการผลิตรถยนต์เฌอรี่ ที่จะมาทำตลาดในเมืองไทยนั้น คุณภาพเป็นอย่างไร
สู้รถยนต์ญี่ปุ่นและรถยนต์ยุโรปได้หรือเปล่า ?
ผมคงต้องบอกว่าสู้ได้สบายมาก เพราะนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะทางด้านเครื่องมือทดสอบแก๊สพิษในไอเสียต่างสั่งตรงมาจาก Bosch ประเทศเยอรมนี
รวมถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์กับเครื่องมือและเทคโนโลยีทางบริษัท เฌอรี่ ออโตโมบิล จำกัด แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ได้ทำสัญญาติดตั้งเครื่องมือกับบริษัท Durr ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่ดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบ painting line
ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกับที่ติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์การออกแบบและพ่นสีให้กับ Shanghai Volkswagen และ FAW-Volkswagen ด้วย
เช่นนี้เอง เมื่อสอบถามถึงความมั่นใจต่อการนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเฌอรี่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ดำรง ดำรงกุลวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยเฌอรี่ ยานยนต์ จำกัด จึงบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า
เรามีความมั่นใจที่จะให้ลูกค้าชาวไทยทราบถึงคุณภาพของรถยนต์เฌอรี่โดยผ่านช่องทางต่างๆ ที่เราเป็นพันธมิตรกับเครือ ซี.พี. ไม่ว่าจะเป็นทรูวิชั่นส์ ทรูมิวสิค ทรูมูฟ และเซเว่นฯแค็ตตาล็อค
โดยส่วนตรงนี้คุณนพดล เจียรวนนท์ ผู้บริหารของเครืออุตสาหกรรมยานยนต์ และกิจการการเงินของ ซี.พี. จะเป็นผู้ประสานให้ทีมการตลาดของทั้ง 2 ฝ่ายได้มีโอกาสพูดคุย และวางแผนทางการตลาดร่วมกัน
เพื่อตอกย้ำความเป็นรถยนต์โตโยต้าของจีนในนามเฌอรี่ ที่ไม่เพียงจะอาศัยการตลาดเชิงประสบการณ์เข้าไปโรดโชว์และจัดกิจกรรมต่างๆ ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ อาทิ กลุ่มพนักงานบริษัท และกลุ่มครอบครัว
ซึ่งอาศัยอาคาร ซี.พี. ทาวเวอร์ในการออกบูท หรือตามห้างค้าปลีกเทสโก้ รวมทั้งยังจะใช้กลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งผ่านสื่อในเครือทรู ยิ่งเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของเอเอฟ หรืออะคาเดมี แฟนเทเชีย ซึ่งตรงนี้น่าจะทำให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ และคนเริ่มต้นวัยทำงานได้รู้จักรถยนต์เฌอรี่มากขึ้น
นอกจากนั้น ดำรง ยังแสดงความเชื่อมั่นเพิ่มเติมว่า เพราะจุดแข็งของกลุ่มไทยยานยนตกรุ๊ป กอปรกับโรงงานที่เคยใช้ประกอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในเครือยนตรกิจ ที่จำหน่ายรถยนต์โฟล์กสวาเกน บีเอ็มดับเบิลยู และมาสด้า ก็น่าจะเป็นอีกจุดแข็งหนึ่งที่น่าจะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้ามากขึ้น
เพราะอย่างที่ทราบ นอกจากรูปลักษณ์ของรถยนต์เฌอรี่จะมีความโดดเด่นทันสมัยแล้ว หากราคาก็ยังเป็นอีกสิ่งเร้าหนึ่ง ที่น่าจะทำให้ลูกค้าที่เคยมองแต่รถยนต์ญี่ปุ่น คงจะหันมามองรถยนต์เฌอรี่บ้าง
ขอเพียงแต่ให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในตัวสินค้าเสียก่อนเท่านั้นพอ
ที่เหลือจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การตลาด การประชาสัมพันธ์ และการวางแผนการขาย คงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะตามมา ที่จะทำให้ผู้บริโภคคนไทยหันกลับมาสนใจรถยนต์เฌอรี่บ้าง
เพราะอย่างที่บอก ผมไม่มีความรู้อะไรในเรื่องรถยนต์ แต่เมื่อใช้สายตาดูทุกรายละเอียด ใช้หูฟังบรรยายสรุปในทุกๆ ขั้นตอน และสัมผัสกับรถยนต์ต้นแบบที่จะนำเข้ามาในเมืองไทย
ผมก็บอกได้คำเดียวครับว่า เฌอรี่ เป็นรถยนต์ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาก เพราะแค่ก่อตั้งเมื่อปี 2540 ผ่านมา 12 ปี ยังสามารถพัฒนาไปได้ไกลขนาดนี้
และในอนาคตล่ะจะเป็นอย่างไร ?
ฉะนั้น ในคำกล่าวที่ว่า เฌอรี่ อาจจะเป็นเพชรเม็ดงามเม็ดใหม่ของวงการยนตรกรรมในเมืองไทย จึงไม่เป็นเพียงคำกล่าวที่เกินไปนัก
เพราะนับจากนี้เป็นต้นไปหลายคนคงได้ยินคำว่า เฌอรี่ มากขึ้น
และคงได้ยินตลอดไป
เพราะงานนี้ไทยเฌอรี่ ยานยนต์ และเครือซีพีเขาทุ่มทุนอย่างเต็มที่ ฉะนั้น ใครที่เป็นกลุ่มลูกค้าตัวหลักพึงระวังไว้ให้ดี เพราะเขาจะไปหาคุณแน่
ไม่เชื่อคอยติดตามดู ?