เอแบคโพลตกใจคนอีสาน 60%เห็นด้วยอภัยโทษนักการเมืองทุจริต-ใต้ค้านหัวชนฝาร้อยละ80 คนกรุงสูสี
ผลสำรวจพบว่า ประชาชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 54.5 ไม่เห็นด้วยกับการให้อภัยโทษคดีความต่างๆ เกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 45.5 ที่เห็นด้วย
และเมื่อจำแนกประชาชนออกตามลักษณะทั่วไป เช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ และภูมิภาค พบว่า กลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีมีจำนวนพอๆ กัน คือร้อยละ 49.8 และร้อยละ 50.2 ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดอภัยโทษคดีความที่เกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง
ที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มคน่มีการศึกษาสูงขึ้นมีจำนวนคนที่เห็นด้วยกับการอภัยโทษคดีทุจริตคอรัปชั่นลดน้อยลง คือ ร้อยละ 48.3 ของคนที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 35.7 ปริญญาตรี และร้อยละ 21.9 สูงกว่าปริญญาตรีที่เห็นด้วยกับการอภัยโทษ
เมื่อจำแนกตามอาชีพ พบว่า คนที่ว่างงานเกินครึ่งหรือร้อยละ 54.0 เห็นด้วยกับการให้อภัยคดีทุจริตคอรัปชั่น พ่อบ้านแม่บ้านและเกษียณอายุร้อยละ 50.2 เห็นด้วย เกษตรกรและรับจ้างใช้แรงงานทั่วไป ร้อยละ 49.0 เห็นด้วยกับการให้อภัยโทษคดีความดังกล่าว
ที่เห็นชัดเจนคือ กลุ่มคนรายได้น้อยไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือน เกินกว่าครึ่งหรือร้อยละ 54.6 ที่เห็นด้วยกับการอภัยโทษคดีความทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง
ยิ่งจำแนกตามภูมิภาค ยิ่งพบข้อมูลที่น่าตกใจคือ คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.0 เห็นด้วยกับการให้อภัยโทษคดีความทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองดังกล่าว และ แม้แต่คนกรุงเทพมหานครก็เกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.5 ที่เห็นด้วย
ที่น่าสนใจคือ คนในภาคใต้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.6 ไม่เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 19.4 เท่านั้นที่เห็นด้วยกับการให้อภัยคดีความทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมือง
ผู้อำนวยการเอแบคโพลล์ กล่าวว่า สังคมไทยจำเป็นต้องเร่งใช้ช่วงเวลานี้ปรับทัศนคติของคนไทยในแต่ละกลุ่มอายุ แต่ละอาชีพ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ และภูมิภาค ในการปฏิเสธนักการเมืองที่มีคดีความทุจริตคอรัปชั่น โดยต้องทำอย่างน้อยสองอย่างควบคู่กันไป คือ
1) เอาจริงเอาจังในการใช้กระบวนการยุติธรรมที่เข้มแข็งลงโทษให้เห็นเป็นแบบอย่าง สร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นในจิตใจของคนไทย
2) รณรงค์ให้คนไทยยอมเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเป็นกองกำลังต่อสู้ทำสงครามกับการทุจริตคอรัปชั่นให้ "ปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ลดน้อยลงไปอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป ปัญหาวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศจะไม่มีทางผ่านพ้นไปได้