ปชป.หนุน ยิ่งลักษณ์ นั่งหัวหน้าเพื่อไทย!!

ปชป.หนุน ยิ่งลักษณ์ นั่งหัวหน้าเพื่อไทย!!

ปชป.หนุน ยิ่งลักษณ์ นั่งหัวหน้าเพื่อไทย!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ปชป.หนุน " ยิ่งลักษณ์ " นั่งหัวหน้าเพื่อไทย ชี้เป็นมรดกตระกูลชินวัตร ปัดป้อง"กษิต"เลือกปฏิบัติควรรอพิสูจน์พฤติกรรมของรัฐบาลในชั้นศาล "โฆษกเพื่อไทย" แถลงเตรีมกระตุ้นรัฐบาลแก้ผลผลิตเกษตรตกต่ำ

(12ก.ค.) นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาส.ส.พรรคที่เชียงใหม่และมีการระดมขุนพลทางด้านเศรษฐกิจตั้งแต่รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลของนายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ภายใต้หัวข้อ " ล้างหนี้ให้ประเทศ สร้างรายได้ให้กับประชาชน " ถึงกรณี ที่ นายสมชาย ออกมาสนับสนุนให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า เป็นไปตามความคาดหมายอยู่แล้ว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่คงหนีไม่พ้นคนในตระกูลชินวัตร

หากเป็นไปได้เชื่อว่านายสมชาย คงจะสนับสนุนนางเยาวภา วงษ์สวัสดิ์ ภรรยามากกว่า แต่ติดปัญหาว่านางเยาวภา ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองติดบ้านเลขที่ 111 ดังนั้นมรดกชิ้นนี้จึงตกเป็นของนางสาวยิ่งลักษณ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงอยากให้นางสาวยิ่งลักษณ์เข้าสู่การเมืองแบบเต็มตัว อย่าหลบๆ ซ่อนๆ หากเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคไทยของคนในตระกูลชินวัตรก็ขอให้ทำงานแบบตรงไปตรงมาเท่านั้น

ปัดป้อง"กษิต"เลือกปฏิบัติควรรอชั้นศาล

นายเทพไท กล่าวถึงกรณี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศถูกออกหมายเรียกให้ข้อหาก่อการร้ายว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีไม่ได้เลือกปฎิบัติต่อกรณีของนายกษิต และรัฐบาลพร้อมที่จะให้นายกษิต ได้พิสูจน์ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ หากรัฐบาลเลือกปฏิบัติจริงนายกษิต ก็คงไม่ถูกออกหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีการออกหมายเรียกนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตผู้สมัครส.ส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หนึ่งในแกนนำพันธมิตร เพราะเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นเรื่องของการดำเนินคดี เพราะในการออกหมายเรียกครั้งนี้ ต้องมีผู้ไปร้องทุกกล่าวโทษ จึงเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษไม่ครบ ตกหล่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีหมายเรียกเฉพาะบางคนเท่านั้น และถือเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รัฐบาลไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้

นายเทพไท กล่าวว่า ทั้งหมดจะต้องไปพิสูจน์กันในชั้นว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจหรือเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งทุกคนทีสิทธิ์ที่จะไปชี้แจงและต่อสู่ในชั้นศาลไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง ขอให้ทุกคนได้เคารพกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซง จึงอยากให้ประชาชนทุกฝ่ายได้พิสูจน์พฤติกรรมของรัฐบาล

แนะนายกฯลงทุกพื้นที่อย่างน้องเดือนละ2ครั้ง

นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐนตรี ที่ จ. บุรีรัมย์ว่า ในนามของกรรมการบริหารพรรคขอสนับสนุนการลงพื้นที่ของนายกฯ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ และขอเสนอว่าควรจะมีโปรแกรมลงพื้นทุกสภาพปัญหา ทั่วประเทศ ที่อย่างน้อยเดือนละ2 ครั้ง หรือถ้าเป็นไปได้อาทิตย์ละครั้งก็จะถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง นอกจากนี้อยากขอเสนอว่า นอกจากการลงพื้นที่ทุกภาคแล้ว ควรจะลงพื้นที่ตาสภาพปัญหาด้วย เช่น ลงพื้นที่เผชิญกับปัญหาใน จ.สระบุรี กรณีของความเดือดร้อนจากบ่อขยะ ถ้าเป็นความเดือดร้อนของประชาชน นายกฯควรจะลงพื้นที่ด้วยตนเองเพื่อรับทราบปัญหาและนำข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจแก้ปัญหา

นายสาธิตกล่าวว่า ประโยชน์ของการลงพื้นที่ของนายกฯถือว่าเป็นการตรวจสอบว่าได้มีการปฏิบัติตามนโยบายที่รัฐบาลวางไว้หรือไม่ เพราะบางทีรัฐบาลประกาศนโยบายไว้อย่างหนึ่ง แต่ปฏิบัติในพื้นที่ประชาชนไม่ได้รับผลประโยชน์ หรือแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง เมื่อนายกฯลงพื้นที่ก็จะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงในเชิงลึกจากประชาชน ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ที่ปั้นแต่งไปเสนอผู้มีอำนาจ และประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามก็จะได้พบกับตัวนายกฯ เพราะบางทีประชาชนรู้จักนายกฯจากข้อมูลเพียงด้านเดียว แต่เมื่อได้สัมผัสตนที่แท้จริงก็จะเข้าใจนายกฯได้มากยิ่งขึ้น ว่านายกฯเป็นคนที่มีบุคลิกจริงใจในการแก้ปัญหา และยังเป็นการลดความขัดแย้งของประชาชนทั้งสองกลุ่ม โดยเฉพาะประชาชนในภาคอีสานจะได้รับรู้ว่ารัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ทำอะไรให้กับประชาชนทุกภาคทุกจังหวัด

" ที่สำคัญผมอยากเสนอว่านายกฯควรที่จะลงพื้นที่ในกรณีที่มีปัญหา เช่นอุตสาหกรรมมาบตาพุต โดยเฉพาะปัญหาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม นายกฯจะได้รับทราบว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร " นายสาธิต กล่าว

" โฆษกเพื่อไทย "แถลงเตรีมกระตุ้นรัฐบาลแก้ผลผลิตเกษตรตกต่ำ

เมื่อเวลา 10.00 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวสรุปผลการสัมมนาของพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ภาคเหนือว่า จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนในการสัมมนาของพรรค ชื่อ " ล้างหนี้ประเทศไทย สร้างรายได้ให้ประชาชน " ครั้งที่ 1 เป็นเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา ในจังหวัดลำพูน ลำปาง และเชียงใหม่ นั้นประชาชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น เสนอข้อมูลผ่าน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งส่งให้นายโอฬาร ไชยประวัติ และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยชุดดรีมทีม โดยสรุปปัญหาได้ 4 ข้อ 1.ปัญหาราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ ในขณะที่จำนวนผลผลิตล้นตลาด โดยขณะที่มีปัญหาคือลำไย ซึ่งในอดีตนั้นประเทศอินโดนีเซีย และจีน เป็นตลาดใหญ่ในการรับซื้อ แต่ขณะนี้ไม่มีสั่งซื้อ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะกระตุ้นรัฐบาล ในการแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตเกษตรล้นตลาด แต่ราคาตกต่ำต่อไป

2.ปัญหาการท่องเที่ยวซึ่งผู้ประกอบการและประชาชนร้องเรียนมากที่สุด 3.ปัญหาการขาดแหล่งทุนในการประกอบกิจการขนาดย่อม SME และ สินค้าพื้นบ้านโอทอป ซึ่งมีปัญหาจากการที่ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ และ 4.ปัญหาภาคอุตสาหกรรม ที่พบว่านิคมอุตสาหกรรมลำพูน เคยมีกำลังในการผลิตได้ถึง 100 % แต่ขณะนี้กำลังการผลิตลดลงเหลือเพียง 50 % โดยอดีตเคยมีกำลังคน 48,500 คน แต่ปัจจุบันกำลังคนเหลือเพียง 18,000 คน

" จากการผู้ประกอบการและประชาชนนำเสนอปัญหา ทำให้เห็นว่างบประมาณกว่าแสนล้านที่รัฐบาลนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ถึงมือผู้ประกอบการท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะกระตุ้นรัฐบาลให้แก้ปัญหาก่อนที่เศรษฐกิจจะล้มละลาย " โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงการประชุมอาเซียนที่จ.ภูเก็ต ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 - 23 ก.ค.นี้ ว่า ที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาปูดว่า จะมีการนำกลุ่มคนไปป่วนการประชุม โดยมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ขณะนี้ตนทราบว่ามีออกหมายเรียก นายนิพนธิ์ นพฤทธิ์ หรือโกยาว พี่ชายตนสอบปากคำในฐานะพยานเพื่อสอบสวนคดีเกิดเหตุระเบิดที่จ.สุราษฎร์ธานีเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาด้วยโดยมีการพยายามโยงเรื่องดังกล่าวว่า ตน นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้นเผด็จการแห่งชาติ ( นปช. ) นายกฤษ ศรีฟ้า อดีตผู้สมัคร ส.ส.พังงา และกำนันคนดังจังหวัดพังงา จะไปป่วนประชุมอาเซียน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะป้ายสีให้ร้ายตน พรรคเพื่อไทย กลุ่มที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และกลุ่มที่มีความเห็นแตกต่าง

ทราบว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ได้มีหนังสือรายงานถึงผู้บังคับบัญชา ดังนั้นตนขอยืนยันว่า ตนเป็นคนจังหวัดพังงาที่อยู่ใกล้ จ.ภูเก็ต จึงเห็นว่าการประชุมอาเซียนเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ซึ่งหากมีกลุ่มใดที่จะป่วนประชุมอาเซียนแล้วใส่เสื้อสีแดง ก็ยืนยันไม่ใช่เสื้อแดงแท้ แต่เป็นเสื้อแดงปลอม เสื้อแดงเทียม ส่วนการที่จะเดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนคัดค้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นั้นตนยืนยันว่าจะมีการนำคนไปเพียง 3-4 คนเท่านั้นไม่เกิน 5 คน ตามที่จะมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง และเมื่อไปยื่นแล้วจะเดินทางกลับทันที ไม่ค้างคืน โดยการยื่นหนังสือนั้นต้องรอความเห็นที่ประชุมพรรคอีกครั้งว่าจะมีมติอนุญาตหรือไม่ ถ้าที่ประชุมพรรคไม่อนุญาตตนจะไม่ไป

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook