เสนอปิดร.ร.-โรงหนัง-สถานประกอบการ 2 สัปดาห์สกัดหวัด09 แม้วโฟนอินจวกรบ.ใช้ขรก.มือไม่ถึง

เสนอปิดร.ร.-โรงหนัง-สถานประกอบการ 2 สัปดาห์สกัดหวัด09 แม้วโฟนอินจวกรบ.ใช้ขรก.มือไม่ถึง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
หมอศูนย์ควบคุมป้องกันโรคมะกัน เสนอปิดร.ร. สถานประกอบการ โรงหนัง 2 สัปดาห์ ชี้ช่วยลดผู้ป่วยได้ทันที ไม่กระทบภาพลักษณ์ประเทศ หมองงนักมวยตายทั้งที่ไม่โรคประจำตัว ดับอีก 3 รวมเป็น 21 แม้ว โฟนอินอัดรบ.ใช้ข้าราชการหน้าใหม่มือไม่ถึง ติดหวัด2009ตายเพิ่มอีก3ราย

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทย ยังคงมีเสียชีวิตและป่วยเพิ่มมากขึ้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า สธ.ได้ขึ้นทะเบียนผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มอีก 3 ราย คือ รายที่ 19-21 โดยรายที่ 19 เป็นเด็กชายอายุ 13 ปี กรุงเทพฯ มีน้ำหนัก 120 กิโลกรัม รักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่เพิ่งแจ้งให้ สธ.ทราบข้อมูลเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา

นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า ส่วนรายที่ 20 เป็นหญิง อายุ 53 ปี กรุงเทพฯ มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง ป่วยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ไปหาแพทย์ที่คลีนิค อาการทรุดหนักลง ต้องมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ส่วนรายที่ 21 เป็นหญิง จ.สกลนคร อายุ 46 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมเช่นเดียวกัน รายนี้มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน รักษานาน 6 ปี เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม แต่มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลชุมชน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งอาการหนักไข้สูงปอดบวม ส่งรักษาต่อยังโรงพยาบาลศูนย์ รองปลัด สธ.ระบุ

ป่วย328ยอดสะสม3,883คน

นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยมีเพิ่มอีก 328 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 3,883 ราย พบผู้ป่วยเกือบทุกจังหวัด ยกเว้น 4 จังหวัด ที่ยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วย คือ ชุมพร ระนอง พังงา และสตูล ส่วนจังหวัดที่มีผู้ป่วยมากเกิน 100 ราย ส่วนใหญ่กระจุกตัวในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ จ.เชียงใหม่

นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า สธ. เร่งรัดจัดทำข้อมูลรายชื่อผู้มีโรคประจำตัว 2.4 ล้านคน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรง หากป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคกลุ่มแรก โดยให้ผู้ตรวจราชการ สธ.ทั้ง 19 เขต รวบรวมจากสถานพยาบาลพื้นที่รับผิดชอบ และตรวจสอบกับฐานข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งจะต้องทำให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด และ สธ.ได้เปิดสายด่วนอีก 10 คู่สาย 0-2590-1422 และให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ จัดบริการข้อมูลทางโทรศัพท์แก่ประชาชนในพื้นที่ร่วมด้วย

จับตาเด็ก3รายอาการรุนแรง

วันเดียวกัน เวลา 09.00 น. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปเยี่ยมเด็กติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 3 ราย ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พบทุกรายอาการค่อนข้างรุนแรง รายแรกมีภาวะสมองอักเสบ จากเชื้อไวรัสขึ้นสมอง รายที่ 2 มีโรคประจำตัวเป็นหัวใจพิการแต่กำเนิด และรายที่ 3 เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) แต่ล่าสุดมีอาการดีขึ้น จากนั้น นายวิทยาไปเยี่ยมผู้ป่วยจำนวน 5 ราย ที่ รพ.นพรัตนราชธานี ซึ่งทั้งหมดมีอาการรุนแรง แต่หายเป็นปกติและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว

นพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยเป็นหญิง อายุ 20 ปี ตั้งครรภ์ 3 เดือน เป็นโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดภาวะแท้งลูก แต่แม่ปลอดภัย ซึ่งผู้ป่วยรายนี้มีประวัติเคยตั้งครรภ์มาแล้ว 2 ครั้ง และแท้งลูกทุกครั้ง สำหรับสถิติการรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ของโรงพยาบาลต่างๆ ตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้น ได้แก่ สถาบันทรวงอก 16 ราย รพ.เลิดสิน 2 ราย ทุกรายหายเป็นปกติดีแล้ว รพ.ราชวิถี 61 ราย เสียชีวิต 1 ราย กลับบ้านแล้ว 44 ราย ยังนอนรักษาอีก 16 ราย

ขู่ขึ้นระดับ3บังคับใช้กฎหมาย

นายวิทยากล่าวว่า ส่วนที่นักเรียนป่วยพักฟื้นอยู่ที่บ้าน พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องระมัดระวังตัวไม่ให้ติดเชื้อต่อจากเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ติดเชื้อมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากนักระบาดวิทยาคาดการณ์ว่า ภายในเดือนหน้า (สิงหาคม) กลุ่มผู้ที่จะติดเชื้อมากที่สุดคือ กลุ่มผู้ปกครอง และขณะนี้น่าเป็นห่วงว่ามีการผลิตเจลแอลกอฮอล์ปลอมออกจำหน่าย จึงสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ออกตรวจสอบ หากพบมีการทำผิดให้ลงโทษอย่างเด็ดขาด

นายวิทยากล่าวว่า ไม่อยากใช้กฎหมายบังคับให้หน่วยงานต่างๆ ต้องทำตามมาตรการของ สธ.เพราะเกรงจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับ 2 จาก 5 ระดับ คือ มีอัตราการป่วยตายไม่เกิน ร้อยละ 0.5 แต่หากประชาชนหรือหน่วยงานต่างๆ ไม่ให้ความร่วมมือช่วยป้องกันชะลอแพร่ระบาด สถานการณ์อาจยกระดับเป็นระดับ 3 คือมีอัตราป่วยตาย ร้อยละ 0.5-1 เมื่อถึงเวลานั้นอาจจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ด้วยการตัดสิทธิบางอย่างของประชาชน

ในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ เวลา 13.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ ที่ทำเนียบรัฐบาล มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะขอความร่วมมือให้กรมการขนส่งทางบกแจ้งไปยังผู้ประกอบการรถตู้โดยสารทุกรายให้เตรียมหน้ากากอนามัยไว้แจกให้กับผู้โดยสารทุกราย นายวิทยากล่าวว่า

ชงครม.ทบทวนปิดร.ร.กวดวิชา

นายวิทยากล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 กรกฎาคม จะเสนอขอความเห็นชอบในหลักการให้ ครม.พิจารณาทบทวนจำนวนวันปิดโรงเรียนกวดวิชา ภายใต้เงื่อนไขที่โรงเรียนกวดวิชาทุกแห่งที่ขึ้นทะเบียนกับ ศธ.จะต้องดำเนินการมาตรการการเฝ้าระวังโรคให้ได้ตามมาตรฐานที่ สธ.กำหนด คือ ก่อนเข้าเรียนต้องคัดกรองนักเรียน หากมีอาการป่วยให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านและโรงเรียนจะสอนชดเชยให้กับนักเรียน รวมถึงให้ใช้เจลล้างมือก่อนและหลังเข้าเรียน และระหว่างนั่งเรียนให้สวมหน้ากากอนามัย

นอกจากนี้ วันที่ 16 กรกฎาคมนี้ สธ. จะร่วมกับ ศธ. และโรงเรียนกวดวิชา จัดประชุมทำความเข้าใจในมาตรการดังกล่าวหากโรงเรียนกวดวิชาสามารถดำเนินการได้ตามนี้ ก็จะลดจำนวนวันปิดโรงเรียนนายวิทยา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่นายวิทยาจะเสนอขอ ครม.ให้ทบทวนปิดโรงเรียนกวดวิชานาน 2 สัปดาห์นั้น เนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ ศิวะกุล นายกสมาคมผู้บริหารและครูโรงเรียนกวดวิชา และคณะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมและหารือกับนายวิทยาที่กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากการเสนอสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชา ไม่มีข้อมูลการระบาดของโรคในนักเรียนที่ไปเรียนกวดวิชา ไม่มีข้อมูลยืนยันเป็นรายบุคคลมีเด็กกี่คน เรียนที่ใด แต่สำนักระบาดวิทยาใช้ข้อมูลเชิงสถิติแบบภาพรวมในการคาดการณ์เท่านั้น และที่ผ่านมาโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งปฏิบัติตามคำแนะนำ สธ. ช่วยคัดกรองเด็กที่ป่วยอยู่แล้ว

สธ.หนั่นเสนอปิดร.ร.ทั่วปท.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สนั่นในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกัน และควบคุมแก้ไขสถานการณ์ระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 กล่าวว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 14 กรกฎาคม จะขออนุมัติงบกลางปี 2552 จำนวน 70 ล้านบาท ใช้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบการป้องกันการแพร่ระบาด จะออกสื่อทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ นอกจากนี้ สธ.จะเจียดงบฯกระทรวง 10 ล้านบาท จัดหาหน้ากากอนามัยมาแจกจ่ายประชาชน 10 ล้านคน และจะเสนอให้ ครม.สวมหน้ากากอนามัยเป็นแบบอย่างประชาชนด้วย

พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ส่วนตัวคิดควรปิดโรงเรียนทั่วประเทศ 2-4 สัปดาห์ เพื่อทำความสะอาดใหญ่ โดยให้เลื่อนวันปิดภาคเรียนในภาคเรียนที่ 1 ขึ้นมาก่อน พอถึงวันปิดภาคเรียนก็ค่อยไปเรียนชดเชยเอา หากทำได้เช่นนี้น่าจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อได้มาก

สปสช.อนุมัติงบฯ600ล.ซื้อวัคซีน

วันเดียวกัน นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 600 ล้านบาท 2 ล้านโดส รองรับประชาการกลุ่มเสี่ยง 1 ล้านคน

สธ.สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัท ปลาสเตอร์ เมอร์ริเออร์ ประเทศฝรั่งเศส โดยเจรจาต่อรองราคาจากเดิมราคา 7 ยูโรต่อโดส ลดเหลือ 5 ยูโรต่อโดส หรือประมาณ 250 บาท โดยการฉีควัคซีน 1 คน จะต้องได้รับวัคซีน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 โดส ห่างกัน 1 เดือน จึงจะถือว่ามีภูมิคุ้มกันโรค 100% ซึ่ง สธ.จะพิจารณาให้วัคซีนกับบุคคลกลุ่มเสี่ยงก่อน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกให้ข้อแนะนำว่า คือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขประมาณร้อยละ 1 ของประชากร หรือประมาณ 650,000 คน รวมถึงผู้มีโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีภาวะเสี่ยงมากอีกประมาณ 1-2 ล้านคน จึงต้องการใช้วัคซีนประมาณ 2 ล้านโดส ในช่วงระบาดใหญ่นี้ ทั้งนี้ งบประมาณทั้งหมด สปสช.จะสำรองจ่ายไปล่วงหน้าก่อน แต่จะเสนอของบกลางจากรัฐบาลมาชดเชยภายหลัง นายวิทยากล่าว

กทม.ปรับแผนให้ยาต้านทันที

นายไกรจักร แก้วนิล รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารโรงพยาบาลสังกัด กทม. ประกอบด้วย รพ.กลาง, รพ.ตากสิน, รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.วชิระ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อไวรัส ว่า ที่ประชุมมีมติคือ 1.หากมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 รักษาตัวในโรงพยาบาล ทีมแพทย์ต้องให้ยาโอเซลทามิเวียร์กับผู้ป่วยทันที ไม่ต้องรอผลยืนยันจากห้องตรวจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สธ. และ 2.หากพบว่าผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 มีอาการปอดอักเสบแทรกซ้อน ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะจัดยาต้านไวรัสให้ทันที โดยถือเป็นนโยบายให้โรงพยาบาลสังกัด กทม.ทั้ง 9 แห่ง ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน

ด้านนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในนโยบายให้ครูประจำชั้นทุกโรงเรียนทั่วประเทศคัดกรองเด็กนักเรียนทุกคนทั้งเช้าและบ่ายก่อนเข้าชั้นเรียน และให้เด็กนักเรียนมีส่วนร่วมวัดไข้ หากพบเด็กป่วยเป็นหวัด มีไข้ ไอ โรงเรียนจะส่งเด็กไปให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดที่โรงพยาบาล และจะติดต่อผู้ปกครองมารับเด็กที่โรงพยาบาล พร้อมทั้งให้คำแนะนำผู้ปกครองดูแลเด็กที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ และในช่วงหยุดเรียนจะประสานงานกระทรวงศึกษาธิการไม่นับเป็นวันขาดเรียน จะให้โรงเรียนสอนชดเชยในวันเสาร์-อาทิตย์ และต้องรายงานเด็กป่วยที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานั้นๆ ด้วย

ทีมแพทย์ตั้งศูนย์ปชส.แบบสหรัฐ

ขณะที่วันเดียวกันทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯ วชิรพยาบาล รพ.พระมงกุฎ และผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมโรคติดเชื้อ ประชุมร่วมกันที่ สธ.นานกว่า 5 ชั่วโมง

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ที่ประชุมได้มติ 4 เรื่อง คือ 1.ให้คณะแพทย์จัดทำคู่มือการรักษาเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยจะเริ่มประชุมและมีข้อสรุปวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ 2.คณะแพทย์แต่ละมหาวิทยาลัยจะจัดตั้งทีมแพทย์ในลักษณะหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อเข้าร่วมกับ สธ.ในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยหนัก 3.จัดระบบส่งต่อให้รวดเร็วและสามารถนำผู้ป่วยหนักมายังโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อมได้ทัน และ 4.จัดทำการประชาสัมพันธ์ โดยจะตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์การแพทย์ไข้หวัดใหญ่ 2009 มีผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทย์ต่างๆ เข้าร่วม เพื่อให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับสหรัฐอเมริกา และองค์การอนามัยโลก

ชี้ประชาชนกลัวมากจนเกินไป

ศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือ คนกลัวมากจนเกินไป ซึ่งเชื้อหวัดโดยทั่วไปหากได้รับเชื้อ 100 คน จะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 10 คน มีอาการประมาณ 5 คน 2-3 คน ต้องไปหาหมอ และอีก 1 คน ต้องนอนโรงพยาบาล ถือเป็นธรรมชาติของโรค ซึ่งไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็เช่นเดียวกัน

การที่ประชาชนแห่ไปโรงพยาบาลทำให้สร้างปัญหาอย่างมหาศาล ขณะนี้พบว่าบางที่คนกลัวมากจนขึ้นรถมาหาหมอพร้อมกันทีเดียวเป็นคันรถและอยากตรวจพร้อมกันหมดเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือไม่ หากเป็นแบบนี้ก็จะเกิดผลเสีย ทั้งหมดนี้เกิดจากคนบริโภคข่าวสารมากเกินไป ซึ่งประเทศที่มีปัญหามากกว่าเราก็มี เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น ศ.นพ.สมหวังกล่าว

ซีดีซีให้หยุดทุกกิจกรรม2สัปดาห์

พญ.ทิพวรรณ นาคจินดา เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) กล่าวว่า การระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ถือเป็นโรคระบาดตามฤดูกาล แต่แพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าและเจ็บป่วยได้น้อย ซึ่งในภูมิภาคเอเชีย เมื่อพิจารณาจากอัตราการป่วยตายขณะนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น และไม่ได้สูงกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งไม่เหมือนในอีกซีกโลกที่จะมีอัตราการป่วยแบบพุ่งสูงในแต่ละช่วงปี แต่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมีอัตราการป่วยแบบขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งอัตราผู้ป่วยในประเทศไทยก็ไม่ได้สูงกว่าที่อื่น ซึ่งการป้องกันและควบคุมโรค ทุกคนจำเป็นต้องมีความเสียสละเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เช่น ในสหรัฐ หรือเม็กซิโก ขณะนี้หากเกิดปัญหาบางรัฐก็จะมีความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อสกัดโรคทันที

อยากเสนอให้มีการปิดทุกอย่างเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เช่น โรงหนัง โรงเรียน สถานที่ราชการ สถานประกอบการ เป็นต้น หากทำพร้อมกัน จำนวนผู้ป่วยก็จะลดลงทันที เพราะระยะฟักตัวของเชื้อจะอยู่ในระหว่าง 1-2 วัน แต่ระยะการมีอาการ 7-10 วัน หากหยุดกิจกรรมในช่วงนี้ ก็จะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องสัมผัสโรค และทำให้เกิดการแพร่สู่ผู้อื่นต่อไปเรื่อยๆ หากตัดสินใจช้าเท่าใด ก็ยิ่งมีการแพร่ระบาดไปในวงกว้างมากเท่านั้น พญ.ทิพวรรณกล่าว

เชื่อช่วยดีขึ้นไม่กระทบภาพป.

พญ.ทิพวรรณกล่าวว่า ข้อเสนอนี้ไม่ได้ถือเป็นการทำลายภาพพจน์ของประเทศ แต่จะยิ่งทำให้ภาพของประเทศดีขึ้นว่า มีการควบคุมโรคอย่างจริงจัง แต่หากรัฐบาลไม่สามารถทำได้ หรือไม่สามารถขอความร่วมมือได้ ก็ต้องเลือกกลุ่มที่จำเป็น เช่น กลุ่มของนักเรียน ต้องระงับการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องของนักเรียนทั้งหมด เชื่อว่าเวลา 2 สัปดาห์ไม่นาน และไม่ได้สร้างผลกระทบต่อการศึกษาแต่อย่างใด

การหยุดกิจกรรมต้องทำไปพร้อมการให้ความรู้ประชาชน ในการป้องกันดูแลสุขภาพของตนเอง เช่น เมื่อป่วยให้หยุดทำงาน ใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นนิสัย ที่ผ่านมา สธ.ให้ข่าวสับสน จนประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่น ขณะนี้กำลังมีการแก้ไขให้ถูกทิศทาง และหากมีการปิดโรงเรียน ก็ต้องปิดกิจกรรมอื่นๆ ที่มีการชุมนุมด้วย พญ.ทิพวรรณกล่าว

ด้าน นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หลังไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาด พบว่าใน 2 สัปดาห์แรก ประชาชนกว่า 34% รู้สึกหวาดกลัว แต่ในสัปดาห์ที่ 3 เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นกระทรวงสาธารณสุข เพราะเข้าใจผิดว่าปิดบังข้อมูล อยากให้ประชาชนลดความหวาดระแวงและหันมาป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ

กระบี่นักมวยวัย19ปีติดเชื้อดับ

นพ.บัญชา ค้าของ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า พบผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว 6 ราย มาจากที่อื่น 2 คน เป็นชาวกระบี่ 4 คน ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เสียชีวิตอย่างกะทันหัน เป็นผู้ชาย อายุ 19 ปี ต.โคกหาร อ.เขาพนม จ.กระบี่ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

นายประสพ ไกรนรา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โคกหาร อ.เขาพนม กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นหลาน และเป็นนักมวยไม่มีโรคประจำตัว ชกมวยพร้อมกับเรียนหนังสือไปด้วย เริ่มมีอาการวันที่ 4 กรกฎาคม เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทุ่งใหญ่ ต่อมาส่งตัวต่อไปโรงพยาบาลทุ่งสง และเสียชีวิตเมื่อคืนที่ 12 กรกฎาคม หลังจากที่หลานเสียชีวิต ชาวบ้านตื่นกลัวกันทั้งหมู่บ้าน

นพ.อิทธิพล สูงแข็ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการหนักพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหนองคาย 3 คน เป็นนักเรียนไปชมคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯแล้วได้รับเชื้อกลับมา

อำนาจฯ-ชร.-ปราจีนสกัดไม่อยู่

นพ.สะอาด วีระเจริญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า ขณะนี้ควบคุมการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่ได้แล้ว เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยเป็นคนในพื้นที่อำนาจเจริญเอง ไม่ได้ไปเที่ยวและไปต่างจังหวัดเลย นับว่าน่ากลัวมาก

นพ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์เวชกรรมป้องกัน 9 ปฏิบัติราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุข จ.ปราจีนบุรี แถลงว่า มีผู้ป่วย 2 ราย รักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร รายที่เป็นหญิง อายุ 39 ปี อาชีพรับจ้าง อาการหนักน่าวิตก

นายสมเจตน์ รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนแม่สายประสิทธิศาสตร์ อ.แม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า สั่งปิดเรียน 7 วัน หลังจากพบว่านักเรียนชายชั้น ม.5/2 ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ญาติไม่ทราบว่าติดเชื้อได้อย่างไร ไม่เคยออกไปไหนนอกจากมาโรงเรียน คาดว่าติดจากเพื่อนนักเรียน เบื้องต้นกักตัวนักเรียนชายและหญิงอีก 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทไว้ตรวจหาเชื้อด้วย

แม้วได้ทีซัดรบ.ใช้ขรก.มือไม่ถึง

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พท. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรต้องตัดสินใจใช้ยาไซโคทรามีเรีย ซึ่งเป็นยาระงับเชื้อการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสทันที ในพื้นที่เสี่ยงมีผู้ติดเชื้อไม่ต้องรอการตรวจถ้าพบว่ามีไข้ขึ้นสูงถึง 39.5 เพราะโรคนี้ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ถ้าเชื้อลงปอดภายใน 3 ถึง 5 วัน ไม่ได้รับยาอาจทำให้เสียชีวิตได้ ในจำนวน 21 ราย พบว่าคนแข็งแรงเป็นปกติ ก็เสียชีวิตจากโรคนี้ได้

วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางคลื่นวิทยุชุมชนเอฟเอ็ม 97.50 เมกะเฮิร์ตซ์ ที่ จ.อุดรธานี แนวทางแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 ของรัฐบาลว่า การปิดบังข้อเท็จจริงไม่ให้ประชาชนรับรู้ตั้งแต่ต้น ทำให้เกิดการละเลย โดยที่ขาดความระมัดระวัง หากรู้ตัวตั้งแต่ต้นจะเร็วกว่านี้ ซึ่งเป็นการละเลยของภาครัฐ สมัยที่ตนเป็นรัฐบาลเลือกใช้ข้าราชการที่มีฝีมือ แต่วันนี้คนเหล่านี้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนไทยรักไทย ประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช้ เลยเหลือข้าราชการรุ่นใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์มาก แต่ไม่ใช่มือดี ยิ่งวิธีการสั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาไม่ได้ผล แสดงให้เห็นการไม่รู้ธรรมชาติของเด็ก เพราะถ้าเด็กไม่ไปโรงเรียนกวดวิชา เด็กจะไปศูนย์การค้า ไปอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เด็กต้องออกจากบ้านอยู่แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook