ออกหมายจับทหารรบพิเศษ-ตร.ปราบยาเสพติดคดียิงสนธิ บุกยึดรถต้องสงสัยมีพลร่มสาวป่าหวายเป็นเจ้าของ

ออกหมายจับทหารรบพิเศษ-ตร.ปราบยาเสพติดคดียิงสนธิ บุกยึดรถต้องสงสัยมีพลร่มสาวป่าหวายเป็นเจ้าของ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เสนอศาลออกหมายจับทหารศูนย์สงครามพิเศษฯ ตำรวจปราบยาเสพติด พันคดียิง สนธิ ลิ้มทองกุล ตำรวจบุกยึดรถต้องสงสัย คุมพลร่มสาวหน่วยรบพิเศษผู้ครอบครองสอบปากคำ นายกฯยันคดีไม่มีมวยล้ม หลังธานีรายงานความคืบหน้า ส่วนอนุพงษ์ลั่นใครทำผิดต้องดำเนินคดี หลังจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ถูกลอบยิงจนได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ หน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรหม ถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 กรกฎาคม คณะทำงานสอบสวนคลี่คลายคดีที่มี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้เสนอให้ศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คน เป็นทหารยศจ่าสิบเอกสังกัดศูนย์สงครามพิเศษลพบุรี ชื่อ ปัญญา และตำรวจยศ ส.ต.ท.สังกัด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)ชื่อ วุฒิ

ต่อมา พล.ต.อ.ธานีเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรายงานความคืบหน้าคดียิงนายสนธิให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยใช้เวลา 15 นาที

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พล.ต.อ.ธานีมาพบเพื่อติดตามเรื่องต่างๆ และสอบถามเรื่องอุปสรรคการทำงาน เมื่อถามว่าได้ออกหมายจับทหารจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษและตำรวจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว เมื่อถามว่าคดีนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดูใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีมวยล้มครับ

ด้าน พล.ต.อ.ธานีพยายามปฏิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ถึงการออกหมายจับว่า ให้ผู้สื่อข่าวลองไปตรวจสอบข่าวดู ซึ่งในการเข้าพบนั้น นายกรัฐมนตรีได้สอบถามเรื่องข้อราชการ แต่พูดคุยเรื่องคดีน้อยมาก

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีบอกว่าคดีนี้จะไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า ดูไปเรื่อยๆ เมื่อถามว่า จะสามารถจับคนร้ายได้เมื่อไร พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า ตอนแรกก็ถามตนว่าจะจับคนร้ายได้ก่อนเกษียณอายุหรือไม่ ซึ่งก็ยังเหลือเวลาอีกตั้งนาน แต่ตอนนี้เริ่มเดินไปได้แล้ว เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า ไม่มี เป็นเพียงการสั่งการตามสายงานเท่านั้น

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลอนุมัติหมายจับทหารยศจ่าสิบเอก สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยในการลอบยิงนายสนธิ ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง แต่โดยหลักการ ตนเคยบอกไปแล้วว่า ใครที่กระทำความผิด ทางตำรวจสามารถดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมได้เลย ซึ่งทางกองทัพให้การสนับสนุนไม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะการดำเนินการตามกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้เลย

เมื่อถามว่า สั่งการให้ พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษ ให้ตรวจสอบที่มาของทหารดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ นอกจากมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องทำ เช่น กรณีที่ตำรวจจะขอตัวหรือทำหนังสือมายังกองทัพ ทางกองทัพจะดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติ

ด้าน พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบช.ปส.) ในฐานะโฆษก บช.ปส. กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ขออนุมัติหมายจับ ส.ต.ท. วุฒิ สังกัด บช.ปส. ว่า ตรวจสอบพบว่า ส.ต.ท.คนนี้ทำหนังสือโอนย้ายไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เมื่อกลางปี 2551 และทางต้นสังกัดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือตอบรับจากดีเอสไอ จึงยังเป็นตำรวจ บช.ปส.อยู่ ขณะนี้สั่งการให้ พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ขันธ์วิจารณ์ รองผู้บังคับการศูนย์การข่าว บช.ปส. ติดตามมารายงานตัวแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ส.ต.ท.คนนี้ทำหนังสือโอนย้ายมาดีเอสไอตั้งแต่ 2549 สมัย พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ เป็นอธิบดีดีเอสไอ แต่ ตร.ไม่อนุมัติ จึงขอโอนมาอีกครั้งในปี 2550 สมัยนายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นอธิบดี ซึ่งต้นสังกัดไม่ขัดข้อง แต่อยู่ระหว่างการทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ถึงการเทียบโอนยศตำแหน่งกับระดับทางราชการ ซึ่งทาง ก.พ.ระบุว่า ยศระดับ ส.ต.ท.เทียบเท่าข้าราชการระดับ 2 ดังนั้นทาง ส.ต.ท.จึงยุติเรื่องการโอนย้ายมายังดีเอสไอ

รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ตำแหน่งของ ส.ต.ท.จะยังไม่โอนย้ายไปดีเอสไอ แต่ในทางปฏิบัติพบว่าปฏิบัติหน้าที่ให้ดีเอสไออยู่

ในเวลา 06.00 น. วันเดียวกัน ตำรวจนครบาลและตำรวจจังหวัดลพบุรีกว่า 20 นาย นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 304 ซอยวัดไก่ 3 หมู่ 5 ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี บ้านพัก น.ส.รัศมี เมฆชัย อายุ 27 ปี รับราชการเป็นพลร่มหญิง สังกัดกองพลาธิการส่งกำลังทางอากาศ ศูนย์สงครามพิเศษ หน่วยบัญชาการสงคราม ลพบุรี เจ้าของรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีดำทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี รถต้องสงสัยก่อเหตุยิงนายสนธิ ซึ่งได้ตรวจค้นบ้านประมาณ 30 นาที ก่อนเชิญตัว น.ส.รัศมีและนายสมนึก ทับโชค อายุ 58 ปี บิดา น.ส.รัศมี ไปสอบปากคำ พร้อมยึดรถกระบะคันต้องสงสัยไปตรวจสอบ

โดยตำรวจเชิญ น.ส.รัศมี และนำรถมาตรวจสอบที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจสืบสวนนครบาล 1 และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบภายในรถพบขวดน้ำ แผ่นซีดี นาฬิกาข้อมือ พระเครื่อง และบัตรข้าราชการระบุชื่อ น.ส.รัศมี ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บลายนิ้วมือแฝงภายในรถไว้ตรวจสอบแล้ว นอกจากนี้ยังพบสติ๊กเกอร์ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษติดอยู่บริเวณกระจกหน้ารถด้านซ้ายอีกด้วย

ต่อมาเวลา 12.00 น. ทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษของลพบุรี เดินทางมาที่ บก.จร.จำนวน 10 นาย หลังจากทราบข่าวว่าตำรวจนำรถคันดังกล่าวซึ่งเป็นของข้าราชการลูกจ้างชั่วคราวสังกัดหน่วยรบพิเศษป่าหวายมาตรวจสอบ จากการโทรศัพท์ไปแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดของน.ส.รัศมี อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบรถกระบะต้องสงสัย ไม่มีนายตำรวจระดับสูงคนใดให้สัมภาษณ์หรือเปิดเผยรายละเอียด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook