แนะเอกชนไทยลงทุนจีน

นายธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) เปิดเผยว่า ในปีนี้เอกชนไทยควรที่จะเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจในประเทศจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนได้อัดฉีดเงิน 4 ล้านล้านหยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนในปีนี้และปีหน้าจะเติบโตได้ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 7-8% รวมทั้งผู้บริโภคจีนมีกำลังซื้อสูงมาก ประกอบกับรัฐบาลได้ปรับกฎหมายและลดภาษีเพื่อดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศมากที่สุด เพื่อให้เกิดการจ้างงานและมีเงินทุนเข้าประเทศ แต่ทั้งนี้ เอกชนและรัฐบาลควรศึกษาว่าในแต่ละมณฑลมีความต้องการ สินค้าใดมากที่สุด เพราะความต้องการบริโภคสินค้าของคนจีนแตกต่างกัน ดังนั้นโอกาสของเอกชนไทยจึงมีโอกาสขยายตลาดได้อีกมาก

ขณะเดียวกันนักธุรกิจจีนจำนวนมากก็สนใจเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกัน แต่กังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่รัฐบาลควรดำเนินการคือ ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองมั่นคงที่สุด โดยที่ผ่านมา ไทยสูญเสียโอกาสให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่นักลงทุนจีนเลือกเข้าไปลงทุนจำนวนมาก

สำหรับธุรกิจของซี.พี.ที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น แต่มียอดขายที่เติบโตได้อย่างน่าพอใจ ทั้ง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ต้า หยาง และต้า ยวิ่น, เบียร์ยี่ห้อ ชิงเต่า, รถยก แคต เตอร์พิลล่า, ศูนย์การค้า ซุปเปอร์แบรนด์มอลล์ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และบริษัทเข้าไปทำธุรกิจในจีนนานแล้ว ทำให้เข้าใจตลาดจีนและผู้บริโภคจีนได้เป็นอย่างดี และอยู่ระหว่างศึกษาแผนเข้าเทคโอเวอร์มอเตอร์ ไซค์ยี่ห้ออื่นเพื่อขยายธุรกิจ จากปัจจุบันมียอดขายมอเตอร์ ไซค์ยี่ห้อ ต้าหยาง อยู่ในอันดับที่ 3 ในตลาดรวม นอกจากนี้จะทุ่มงบ 200 ล้านบาท เปิดศูนย์จำหน่ายบริการรถยก แคตเตอร์พิลล่า อีก 4 แห่ง จึงคาดว่าในสิ้นปีนี้ ยอดขายสินค้าจากธุรกิจอุตสาหกรรมในจีนจะเติบโต 10% อยู่ที่ 16,500 ล้านบาท

ตอนนี้มีข่าวในประเทศจีนออกไปว่า ไทยเป็นเขตระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่กล้าเข้ามาเที่ยวในไทยแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวจีนอ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก รัฐบาลควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นการดูแลโรคไข้หวัด 2009 ให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาเที่ยวในไทย.