คดี''สนธิ''ต้องสาวถึงจอมบงการ

ใช้เวลานานเกือบ 3 เดือนเต็ม นับตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน เวลา 05.45 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายอดุลย์ แดงประดับ และนายวายุพักตร์ มัตทะสิน ผู้ติดตามและคนขับรถ เกือบ 100 นัด ขณะรถยนต์วิ่งผ่านหน้าวัดเอี่ยมวรนุช สี่แยกบางขุนพรหม แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยทั้งหมดได้รับบาดเจ็บรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ใช้กำลังทหารสกัดกั้นสลายการชุมนุมของ คนเสื้อแดง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงเทศกาลวันสงกรานต์เพียงไม่กี่วัน จึงกลายเป็นประเด็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ต่อมารัฐบาลได้แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดี ซึ่งก็ปรากฏความคืบหน้าตามลำดับ มีการตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ ปลอกกระสุนปืน กล้องวงจรปิดตามท้องถนนต่าง ๆ ทำให้มั่นใจว่าสามารถนำไปสู่การ จับกุมคนร้ายได้ จนมีข่าวลือว่า ผู้บงการเป็นนายทหารยศ พลเอก ที่รับงานมาด้วยค่าจ้างมโหฬาร โดยกลุ่มมือปืนเป็น คนมีสี กระทั่งการสืบสวนดำเนินมาถึงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธานี ได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าคดีว่า ไม่พบนักการเมืองเข้ามา เกี่ยวข้อง แต่หลังจากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.ธานี ก็ยอมรับว่า ตำรวจเจอตอ ชุดทำงานถูกข่มขู่ ทำให้คดีเกิดความล่าช้า

ฉับพลันที่มีกระแสข่าวอนุมัติออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหาคดีลอบสังหารนายสนธิแพร่สะพัด โดยคนหนึ่งเป็นทหารชั้นประทวน สังกัดศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี ส่วนอีกคนเป็นตำรวจชั้นประทวนสังกัดศูนย์รวมข่าว ปช.ปส. เชื่อว่า ผู้คนในสังคมคงอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยว่า แพะหรือไม่ แต่หากเราย้อนดูลำดับขั้นตอนการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนคดีก็จะพบว่า มีความเป็นไปได้มาก ผู้ต้องหาตัวจริง โดยพบจุด เชื่อมโยงนับตั้งแต่การพบรถกระบะต้องสงสัยจนนำไปสู่การหาพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์โยงใยระหว่างกันของกลุ่มผู้ต้องหา

ขอชื่นชมและให้กำลังใจแก่ พล.ต.อ.ธานี และทีมงานชุดสืบสวนสอบสวนที่เพียรพยายามแกะรอยลากคอคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งในส่วนของทหาร โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ก็ยืนยันพร้อม ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ขณะที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ ประกาศชัดว่าคดีนี้ ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู ซึ่งเราก็คาดหวังให้เป็นเช่นนั้น ประการสำคัญต้องสาวให้ถึง จอมบงการ และเป้าประสงค์การก่อเหตุมาจาก การเมือง หรือ ส่วนตัว กันแน่.