ขายอีกพันธบัตร 5หมื่นล.-เกลี้ยง!

ขายอีกพันธบัตร 5หมื่นล.-เกลี้ยง!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
พันธบัตรไทยเข้มแข็งร้อนแรงจัด เปิดขายรอบสอง 1.5 หมื่นล้าน หมดเกลี้ยงเร็วจี๋ภายใน10-15 นาที ต้องนำพันธบัตรรอบสามมาปล่อยขายต่ออีก 5 พันล้าน ก็หมดเรียบอีก เลยตัดสินใจเพิ่มด่วนอีก 3 หมื่นล้าน รวมเป็น 5 หมื่นล้าน โดนลุยซื้อกระหน่ำ รวมใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่ก็ยังเหลืออีกนิดหน่อยของแบงก์ไทยพาณิชย์ แค่ 850 ล้าน เปิดให้ซื้อ 16 ก.ค.นี้ คาดเกลี้ยงฉาดแน่ แฉคนจองคิวจนล้นหลาม รายแรกมาตั้งแต่ 01.30 น. กรณ์ฟุ้งเป็นการขายพันธบัตรออมทรัพย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ชี้คนไทยยังมีสภาพคล่อง และเชื่อมั่นรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ค. มีการเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งของกระทรวงการคลัง ในรอบสอง วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเปิดขายให้ผู้สูงอายุและประชาชนทั่วไป ในวงเงินขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท ถึง 1 ล้านบาท ผ่านธนาคารที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทน 7 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ทหารไทย และนครหลวงไทย ปรากฏว่ามีประชาชนแห่จองกันล้นหลามเช่นเคย บางรายมาจองคิวตั้งแต่ เวลา 01.30 น. คือ พลทหารนพดล ดีวังยาง ที่เข้ามาเข้าคิวจองพันธบัตรที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักพหลโยธิน ส่งผลให้พันธบัตรที่จำหน่ายผ่านทุกธนาคารหมดภายใน 10-15 นาที กระทรวงการคลังจึงนำโควตาพันธบัตรในโควตาที่จะจำหน่ายรอบสาม 5,000 ล้านบาทมาจำหน่าย แต่ก็หมดในเวลาอันรวดเร็ว จนต้องเพิ่มการจำหน่ายอีก 3 หมื่นล้านบาท ตามที่ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ปรากฏว่าพันธบัตรทั้งหมด 5 หมื่นล้านบาท ที่จำหน่ายในรอบนี้ขายหมดภายในเวลา 30 นาที ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีการเสนอขายพันธบัตรในรอบสาม ที่เดิมกำหนดวันที่ 17 ก.ค. และ 20-21 ก.ค. ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปโดยไม่กำหนดวงเงินซื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนตามต่างจังหวัดทั่วประเทศ ก็มีคนแห่มาเข้าคิวซื้อพันธบัตร 5 หมื่นล้านบาทดังกล่าวอย่างคึกคัก มีคนจำนวนมากที่ต้องผิดหวังกลับไป เพราะมาติดต่อธนาคารช้าเกินไป

ที่กระทรวงการคลัง เมื่อเวลา 08.30 น. นาย กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระ ทรวงการคลังได้เพิ่มวงเงินการขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งที่เปิดจำหน่ายรอบ 2 ระหว่างวันที่ 15-16 ก.ค.นี้ ให้แก่ประชาชนทั่วไปจากเดิม 15,000 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท โดยได้โอนเงินในส่วนที่จะขายในรอบที่ 3 ให้แก่ประชาชนทั่วไปแบบไม่จำกัดวงเงิน 5,000 ล้านบาท มาให้ประชาชนรายย่อยที่กำหนดไว้ไม่เกินรายละ 1 ล้านบาทในครั้งนี้ รวมถึงได้เพิ่มวงเงินใหม่อีก 30,000 ล้านบาท ตามที่ครม.อนุมัติตามแผนปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2552 ครั้งที่ 4 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา

การเพิ่มวงเงินใหม่ในครั้งนี้ทันที 3 หมื่นล้านบาท เกิดจากเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้สอบถามไปยังธนาคารตัวแทนจำหน่ายทั้ง 7 แห่งแล้ว พบว่าประชาชนมีความต้องการซื้อสูงกว่ารอบแรกที่ขายให้ผู้สูงอายุจำนวนมาก ดังนั้นจึงตัดสินใจทันที แต่หากขายไม่หมดในครั้งนี้ 5 หมื่นล้านบาท ก็จะโอนไปขายวันที่ 17 และ 20-21 ก.ค.ที่จะเปิดขายทั่วไปโดยไม่จำกัดวงเงิน นายกรณ์กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าขายครั้งนี้ก็จะหมดในทันที ถือเป็นการเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่าสภาพคล่องในระบบยังมีจำนวนมาก ประชาชนมีความพร้อม ความสนใจ และเชื่อมั่นมาตรการของรัฐบาล

รมว.คลังกล่าวต่อว่า สำหรับวงเงินที่เพิ่มขึ้นอีก 3 หมื่นล้านบาทครั้งนี้ ไม่มีปัญหาต่อการบริหารจัดการเรื่องดอกเบี้ยและต้นทุนของกระทรวงการคลัง เนื่องจากได้พิจารณาถึงความเหมาะสมของวงเงินที่เพิ่มแล้วว่าตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งผลตอบแทนดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ต่ำมากในปัจจุบัน ทำให้แม้ว่ากระทรวงการคลังจะเพิ่มวงเงินออกพันธบัตรอีก ก็ยังมีต้นทุนเฉลี่ยต่ำกว่าต้นทุนปัจจุบัน จึงเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้และยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับดอกเบี้ยที่เหมาะสม

นายกรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาจะออกพันธบัตรครั้งต่อไป โดยอาจยืดอายุพันธบัตรยาวกว่า 5 ปี พร้อมกับได้ให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) พิจารณาออกพันธบัตรอิสลาม (สุกุก) เพื่อให้ชาวมุสลิมได้มีส่วนร่วมในโครงการไทยเข้มแข็งด้วย ส่วนภาคเอกชนที่จะออกหุ้นกู้เพื่อกู้ยืมเงินประชาชนตามมานั้น ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เนื่องจากภาคเอกชนที่เห็นความต้องการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งครั้งนี้ น่าจะประเมินความต้องการในดอกเบี้ยที่สูงขึ้นของประชาชนได้ อีกทั้งจะช่วยให้ภาคเอกชนที่ต้องการกู้เงินเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้อีกทางหนึ่ง และการออกพันธบัตรในครั้งนี้ น่าจะฟื้นคืนชีพตลาดตราสารหนี้ขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง หลังจากชะลอไประยะหนึ่งแล้ว

ส่วนนายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยภายหลังรับรายงานจาก 7 ธนา คาร ถึงข้อสรุปยอดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ว่า วันที่ 15 ก.ค.มีจำนวนผู้จองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งรวมทั้งสิ้น 7.3 หมื่นราย เฉลี่ยซื้อรายละ 7 แสนบาท รวมจำหน่ายพันธบัตร 2 รอบ คือรอบแรกวันที่ 13-14 ก.ค. และรอบสอง 15 ก.ค. มีผู้สนใจลงทุนกว่า 1.14 แสนราย ซึ่งมองว่ายังมีประชาชนที่สนใจซื้อพันธบัตรอีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจาก 7 ธนาคารสามารถจำหน่ายในรอบ 2 หมดในครึ่งวัน โดยเฉพาะธนาคารที่ใช้วิธีป้อนข้อมูลเข้าสู่ส่วนกลาง เช่น กรุงไทย ขายหมดเกลี้ยง 1.02 หมื่นล้านบาท ภายใน 10 นาที ทำให้มีผู้โทร.เข้ามาร้องเรียนบ้างกรณีที่ไม่สามารถซื้อได้ในครั้งนี้เนื่องจากถอนเงินไว้ซื้อในรอบ 3 ที่ไม่จำกัดวงเงินไว้แล้ว แต่ไม่มีการจำหน่ายในรอบสาม แต่กลุ่มร้องเรียนมีจำนวนไม่มากนัก

ทางด้านนายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จในการจัดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งในรอบสอง ที่เปิดจำหน่ายวันที่ 15 ก.ค.เป็นวันแรก โดยสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกสาขาทั่วประเทศจำนวนกว่า 900 สาขา ในรูปแบบ จองซื้อก่อนได้ก่อน ได้ครบเต็มวงเงินที่ได้รับการจัดสรรจากกระทรวงการคลังให้ธนาคารกรุงเทพเป็นผู้จัดจำหน่ายจำนวน 11,900 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาอันรวดเร็ว ภายใน 30 นาทีที่เปิดขาย สำหรับลูกค้าที่ผิดหวังในครั้งนี้ทางกระทรวงการคลังขอให้รอการออกพันธบัตรในครั้งต่อไป ซึ่งยังไม่มีกำหนดเวลาในขณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาช่วงค่ำ กระทรวงการคลังได้รับรายงานว่า ในส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ มียอดจำหน่ายจำนวน 8,700 ล้านบาท ได้ใช้ระบบจัดสรรตามฐานยอดเงินฝากกระจายทั่วประเทศ ปรากฏว่ามียอดเหลือ 850 ล้านบาท ดังนั้น จึงเปิดจองทุกสาขาวันที่ 16 ก.ค. ใครจองก่อนได้ก่อน คาดว่าจะหมดในเวลาอันรวดเร็ว สำหรับการขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งรวม 2 รอบ วงเงิน 8 หมื่นล้านบาทนี้ เงินดังกล่าวรัฐบาลจะนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามโครงการแผนปฏิบัติการ ไทยเข้มแข็ง 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook