ป.ป.ช.ต้องเร่งเคลียร์ข้อกล่าวหาบิ๊ก สตง.

ป.ป.ช.ต้องเร่งเคลียร์ข้อกล่าวหาบิ๊ก สตง.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
โดย ประสงค์ วิสุทธิ์ อ่านข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)หยิบยกกรณีที่มีผู้ร้องเรียนกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ว่า มีพฤติการณ์ไม่ชอบหลายประการขึ้นมาพิจารณาซึ่งมีรายละเอียดว่า ผู้ร้องเรียนมีทั้งอดีตเจ้าหน้าที่ สตง. ผู้ว่าราชการและรองผู้ว่าราชการจังหวัดหนึ่ง กลุ่มองค์กรเอกชนซึ่งรวมแล้วกว่า 10 ข้อกล่าวหา เช่น การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการบริหารราชการ การบีบบังคับเอาตัวเครื่องบินจากการบินไทยฟรีเพื่อให้ลูกชายเดินทางไปต่างประเทศ การเอาทรัพย์สินของราชการไปใช้โดยไม่ชอบ พฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติทั้งการสร้างบ้าน ซื้อที่ดิน และมีเงินกว่า 40 ล้านบาทไหลเข้าบัญชีญาติใกล้ชิด ซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง

ความจริงแล้ว การร้องเรียนถึงพฤติการณ์ผุ้บริหารระดับสูงของ สตง.ในด้านต่างๆ เคยปรากฏเป็นข่าวมาบ้างแล้ว เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.หยิบยกขึ้นมาพิจารณาและสั่งให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.ไปรวบรวมข้อมูลมานำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.อีกครั้งหนึ่งเพื่อพิจารณาดูว่า มีมูลพอที่จะแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นไมาต่สวนในแต่ละเรื่องหรือไม่ จึงได้พยายามรวบรวมข้อมูลจากเอกสารต่างๆมาเรียบเรียงดูว่า มีอะไรบ้าง ดังนี้

1. การบริหารงานบุคคลที่ไร้คุณธรรม จริยธรรมและเล่นพรรคเล่นพวก ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ สตง.ฟ้องผู้บริหารระดับสูงของ สตง.ต่อศาลปกครองในการโยกย้ายแต่งตั้งถึง 4 คดี ในจำนวนนี้ มีหนึ่งคดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษาว่า คำสั่งแต่งตั้งไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณา

นอกจากนั้นมีการกล่าวว่า แต่งตั้งพรรคพวกของตัวเอง 13 คนข้ามหัวคนอื่นให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 9

2. ใช้อำนาจหน้าที่และตำแหน่งข่มขู่เรียกเงินจากหน่วยรับตรวจ โดยอ้างว่า ตรวจพบความผิด โดยมีการปล่อยข่าวทางสื่อมวลชน จากนั้นจะส่งมือไม้ของตนเองไปรีดเงินแลกกับการไม่รายงานผลการตรวจสอบ ถ้าใครยอม เรื่องก็จะเงียบหายไป

3. ซื้อที่ดิน 3 แปลงๆละ 1 ไร่โดยทำสัญญาซื้อขายเพียงไร่ละ 2 ล้านบาท เมื่อเดือนธันวาคม 2549 ในย่านปากเกร็ด นนทบุรีในชื่อของน้องสาวและลูกชาย(แต่ทำสัญญากันที่สำนักงาน สตง.) ทั้งๆที่แค่ราคาประเมินก็ไม่ต่ำกว่าไร่ละ 8 ล้านบาท

ในประเด็นนี้ ยังมีการตั้งข้อกล่าวหาว่า น่าจะเป็นการฟอกเงินโดยนำเงินที่ได้มาโดยมิชอบมาซื้อที่ดินและสร้างบ้านราคาแพง แต่ทำเป็นซื้อที่ดินมาราคาถูกๆ ผู้คนจะได้ไม่สงสัยว่า เอาเงินมากมายมาจากไหน นอกจากนั้นยังมีการหาว่า มีการใช้อำนาจหน้าที่บีบบังคับกรมธนารักษ์ให้ยกที่ดินบริเวณใกล้เคียงเพื่อสร้างสำนักงานใหญ่ สตง.ใหม่อีกด้วย

4. มีเงินจำนวน 46 ล้านบาทไหลเข้าบัญชีญาติสนิท 46 ล้านบาทในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2549 และมีการถอนออกในเดือนธันวาคม 2549 ถึง 26 ล้านบาท โดยกล่าวหาว่า ส่วนหนึ่งนำไปซื้อที่ดินและสร้างบ้านราคาแพงข้างต้น ทั้งนี้เงินก้อนน่าจะเป็นเงินที่นักการเมืองใหญ่รายหนึ่งยอมจ่ายให้เพื่อแลกกับข้อถอนข้อกล่าวหา โครงการหนึ่งในสนามบินสุวรรณภูมิ

5. การจัดจ้างบริษัทฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ สตง.ในลักษณะผูกขาดและผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะบริษัทดังกล่าวเช่าที่ทำการซึ่งเป็นของคู่สมรมของตนเอง

6. บีบบังคับให้บริษัทการบินไทยออกตั๋วและค่าใช้จ่ายให้กับลูกชายเดินทางไปญี่ปุ่น รัสเซียและเดนมาร์ก โดยอ้างว่า ติดตามคณะไปตรวจสอบสำนักงานการบินไทยในต่างประเทศ

7. การนำรถส่วนกลางไปใช้ ทั้งๆที่มีรถประจำตำแหน่งอยู่แล้วเพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมันเอง ในกรณีดังกล่าวนี้ สตง.เคยทำหนังสือทักท้วงหน่วยงานอื่นมิให้กระทำในลักษณะดังกล่าวเพราะถือว่า เป็นการกระทำไม่ชอบ แต่ผู้บริหารระดับสูงรายนี้กลับกระทำเสียเอง

เห็นได้ว่า ข้อกล่าวหาข้างต้นมีทั้งร้ายแรงและไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตามพฤติการณ์ของผู้บริหารระดับสูงของ สตง.รายนี้พูดกันมากในแวดงวงข้าราชการระดับสูงทำให้ภาพลักษณ์ของ สตง.ตกต่ำ ไม่น่าเชื่อถือ

ยิ่งมีการดิ้นรนให้เพิ่มอำนาจของ สตง.ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะยิ่งได้รับการการต่อต้านอย่างหนัก

ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ต่องเร่งสอบสวนข้อกล่าวหาต่างๆให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ถ้าไม่มีมูลก็ต้องชี้แจงให้สาธารณชนทราบเพื่อมิให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของ สตง. แต่ถ้ามีมูลก็ต้องเดินหน้าไต่สวนโดยเร็ว อย่าเห็นแก่หน้าหรือเกรงกลัวอิทธิฤทธิ์ของใครที่มี ส.ว.ในสังกัดจำนวนหนึ่ง

ได้ข่าวว่า มีบางคนปรี๊ดหน้าดำหน้าแดง ประกาศว่า เตรียมทีมทนายไว้ฟ้องร้องคนที่จะออกมาเปิดโปงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องดี ไม่เสียเวลาเปล่าแน่ เพราะยังไงๆ ก็สามารถใช้แก้ข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติหรือคดีอื่นได้เหมือนกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook