กอร์ปศักดิ์ตั้งทีมล่าทุจริตชุมชนพอเพียง

กอร์ปศักดิ์ตั้งทีมล่าทุจริตชุมชนพอเพียง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
วันนี้ (17 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการชุมชนพอเพียง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการชุมชนพอเพียง ได้มีมติให้จัดตั้งทีมพิเศษโดยมีพล.อ.ชัชวาล ทัตตานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานชุมชนพอเพียง เป็นประธาน เพื่อเข้าไปตรวจสอบเรื่องร้องเรียนของโครงการชุมชนพอเพียงที่มีหลายร้อยเรื่อง โดยเฉพาะการทุจริตเพื่อหาความถูกต้อง และขอความร่วมมือให้ฝ่ายค้านจัดส่งข้อมูลให้พิจารณา ถ้าพบว่า เจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็นจะดำเนินตามกฎหมายทันที

นอกจากนี้จะขอความร่วมมือไปยังท้องถิ่นเพื่อกำชับให้นายอำเภอ นายกเทศมนตรี ผู้อำนวยการเขต เร่งตรวจสอบ โดยเฉพาะการทำประชาคม การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และรายงานให้สำนักงานฯ ทราบ เพื่อให้ได้โครงการที่มีคุณภาพต่อไป

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ลดสัดส่วนประชาชนในการทำประชาคมในแต่ละหมู่บ้านเหลือพียง 50% ของจำนวนประชาชนในชุมชน จากเดิมที่กำหนดไว้ 70% เพื่อความคล่องตัวในการทำประชาคม เพื่อคัดเลือกโครงการพอเพียงที่ต้องการ จะได้ไม่มีปัญหาเหมือนที่ผ่านมาที่พบว่า การทำประชาคมแต่ละครั้งบางครั้งผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่เข้ามาร่วมทำประชาคม จึงทำให้การเสนอโครงการดำเนินการได้ล่าช้า

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นกลางในการจัดซื้อจัดจ้างของชุมชนที่อาจไม่มีความรู้ที่ดีพอ จะขอให้สำนักงบประมาณจัดทำราคากลางสำหรับสินค้าหรือเครื่องจักรที่ชุมชนต้องการ ประมาณ 20 รายการ เพื่อจะได้ตรวจสอบราคากลางให้ชัดเจนต่อไป เช่น เครื่องผลิตปุ๋ย เครื่องสีข้าว เครื่องผลิตน้ำดื่ม เครื่องสูบน้ำ เครื่องนวดข้าว เป็นต้น

สำหรับความคืบหน้าของโครงการชุมชนพอเพียง ล่าสุดคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาเห็นชอบโครงการอีก 9,538 ชุมชน วงเงิน 2,206 ล้านบาท เมื่อรวมกับโครงการที่อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว จะมีโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 31,582 ชุมชน วงเงิน 8,432 ล้านบาท โดยชุมชนเบิกเงินไปได้จริงประมาณ 3,000 ล้านบาทหรือ 30%

ต้องยอมรับว่า การดำเนินโครงการชุมชนพอเพียงค่อนข้างล่าช้า เพราะต้องตรวจสอบการดำเนินการอย่างถูกต้องและต้องเป็นไปตามหลักปรัชญาพอเพียง ดังนั้นจึงมีการตรวจสอบและคัดกรองที่ใช้เวลา เพราะต้องการให้ได้โครงการที่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันถือว่าโครงการมีความคืบหน้าประมาณ 40%

สำหรับโครงการที่ได้รับการอนุมัติทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นโครงการประเภทอุปกรณ์ประกอบอาชีพทางการเกษตร ประมาณ 35.44% รองลงมาคือสาธารณูปโภค 22.74% อันดับสามคือ กลุ่มอาชีพ 21.51 % ที่เหลือจะเป็นการผลิตปุ๋ย กพลังงานทดแทน พัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและต้นน้ำ ศิลปวัฒนธรรม การท่องเที่ยว เป็นต้น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook