มาร์คลั่นไม่ต้องตั้งกก.สอบไส้ศึกยิงสนธิ ยอมรับสาวถึงตัวบงการยาก ถ้าจับชุดปฏิบัติการไม่ได้

มาร์คลั่นไม่ต้องตั้งกก.สอบไส้ศึกยิงสนธิ ยอมรับสาวถึงตัวบงการยาก ถ้าจับชุดปฏิบัติการไม่ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายกฯ เผยไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการหาไส้ศึกคดีลอบยิงสนธิ ขยายผลถึงผู้บงการยาก ถ้าจับกุมชุดปฏิบัติการไม่ได้ ผบ.ตร.ยันไม่เข้าไปยุ่ง ชมธานีทำหน้าที่ได้ดี ตรวจลายนิ้วมือแฝงรถ ไม่ตรงฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ว่าไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหาไส้ศึกในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีระบุ โดยยืนยันว่าได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.ธานีตลอดเวลา เพื่อให้คดีเดินหน้าหน้าไป ซึ่ง พล.ต.อ.ธานีก็บอกว่าทำงานได้ ไม่มีปัญหา ไม่ได้กดดันอะไร และมั่นใจว่าจะสามารถปิดคดีได้ หากมีปัญหาอะไรก็พร้อมจะแก้ไขให้ ส่วนจะสาวถึงผู้บงการได้หรือไม่นั้น ต้องดูตามพยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญขณะนี้ต้องพยายามจับกุมบุคคลที่ลงมือชุดที่ปฏิบัติการให้ได้เสียก่อน ถ้าจับไม่ได้ก็ขยายผลยาก

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ว่ามารายงานเรื่องการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อถามว่า แกนนำพันธมิตรมองว่า ผบ.ตร.เป็นอุปสรรคในการคลี่คลายคดีลอบยิงนายสนธิ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ไม่ขอตอบ แต่ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งหรือสั่งการเรื่องนี้ เพราะมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานีเข้าไปรับผิดชอบคดีและทำหน้าที่ได้ดีมาก เมื่อถามจะตรวจสอบว่าใครเป็นไส้ศึกในชุดสอบสวนคลี่คลายคดีหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า คงต้องรอรายงานจาก พล.ต.อ.ธานีก่อน เมื่อถามต่อว่า เครียดหรือไม่กับคดีลอบยิงนายสนธิ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่เครียดเลย

ด้าน พล.ต.อ.ธานีได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนที่เข้าตรวจค้นโรงงานน้ำหอม บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด เลขที่ 2/1 หมู่ 10 ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด ที่มีนางอรทัย ฐานะจาโร อดีต ส.ส.กทม. ลูกสะใภ้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อจับกุม จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ผู้ต้องหาคดีลอบยิงนายสนธิ ที่ถูกออกหมายจับพร้อม ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) แต่ จ.ส.อ.ปัญญาไหวตัวหลบหนีไปได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ธานียังเรียก พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน (ผบก.พฐ.) เข้ารายงานผลการตรวจลายนิ้วมือแฝงบนรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ที่ต้องสงสัยว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะก่อเหตุ หลัง พฐ.เปรียบเทียบลายนิ้วมือที่เก็บได้กับฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรว่าเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยคนใดหรือไม่ ทั้งนี้ พล.ต.อ.ธานีปฏิเสธการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยกล่าวว่ายังไม่มีความคืบหน้าในคดี หากมีก็จะแจ้งให้ทราบ

พล.ต.ต.สุรพลกล่าวว่า ผลการตรวจสอบลายนิ้วมือจำนวน 10 ลาย ที่ตรวจพบบนรถต้องสงสัย กับฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรที่มีจำนวน 5-6 ล้านคน ยังไม่พบว่าตรงกับใคร พบเพียงแต่ลายนิ้วมือของ น.ส.รัศมี เมฆชัย เจ้าของรถ ส่วนลายนิ้วมือของ 2 ผู้ต้องหา คือ ส.ต.อ.วรวุฒิ และ จ.ส.อ.ปัญญา ต้องรอลายนิ้วมือจริงจากพนักงานสืบสวนสอบสวนที่จะนำมาตรวจเปรียบเทียบว่าตรงกับลายมือที่พบบนรถต้องสงสัยหรือไม่

พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ดีเอสไอช่วยติดตาม ส.ต.ท.วรวุฒิ มาดำเนินคดีว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ เพียงแต่เคยมีความประสงค์จะโอนย้ายมาที่ดีเอสไอ แต่ท้ายที่สุดไม่ได้ย้าย จึงมีเฉพาะการทำงานร่วมกันบางคดี เช่น คดีจับกุมแก๊งแบนดีโดส เป็นต้น แต่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เคยรู้จักหรือปฏิบัติงานร่วมกับ ส.ต.ท.วรวุฒิ ก็พยายามติดตามตัวเพื่อขอให้มามอบตัว แต่ยังไม่มีใครเคยพบหรือมีเบาะแส อย่างไรก็ตาม หากเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานให้ช่วยก็พร้อมให้ความร่วมมือ

ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอเคยประสานไปยังกรมการปกครอง เพื่อจัดทำฐานข้อมูลทางทะเบียนให้ ส.ต.ท.วรวุฒิแฝงตัวเป็นบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์การสืบสวนคดีต่างๆ หรือไม่ โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า ปกติแล้วดีเอสไอจะดำเนินการลักษณะนี้เฉพาะพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ กรณีเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นที่มาช่วยราชการนั้นไม่แน่ใจ และกรณี ส.ต.ท.วรวุฒิก็ไม่มีข้อมูล

รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ ส.ต.ท.วรวุฒิเปลี่ยนชื่อและนามสกุลจาก ส.ต.ท.วรวุฒิ เป็นนายอรรถพล ปาทาน นั้น เนื่องจากเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ทำหนังสือราชการไปยังกรมการปกครอง เพื่อขอเปลี่ยนชื่อนามสกุล และที่อยู่ของ ส.ต.ท.วรวุฒิ เนื่องจากต้องแฝงตัวเข้าไปสืบราชการขบวนการค้ายาเสพติดภาคใต้ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับดีเอสไอ ว่าด้วยการจัดทําเอกสาร หลักฐาน และการแฝงตัว พ.ศ.2548 ซึ่งเป็นอำนาจอธิบดีดีเอสไอ และทุกขั้นตอนจะเป็นความลับทางราชการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547

อย่างไรก็ตาม หากเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว อธิบดีดีเอสไอจะต้องแต่งตั้งนายทะเบียนที่ทําหน้าที่เก็บทะเบียนข้อมูล เอกสาร หลักฐาน และการแฝงตัว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ และเสนออธิบดีดีเอสไอเพื่อขออนุมัติทำลายข้อมูล ตามหมวด 4 เรื่องการควบคุม การเก็บรักษา และการทําลายเอกสารข้อมูลของบังคับกรมสอบสวนคดีพิเศษ

พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. กล่าวว่า ได้ลงนามคำสั่งให้ ส.ต.ท.วรวุฒิ ออกจากราชการแล้ว เนื่องจากผิดวินัยร้ายแรงจากการขาดราชการเกิน 15 วัน ทำให้ความเป็นเจ้าพนักงานก็สิ้นสุดลง ส่วนจะเข้ามอบตัวที่ใดก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา โดยไม่ได้ประสานมาทาง บช.ปส.แต่อย่างใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook