นายทัศนัย วันคง กรรมการผู้บริหารบริษัทเจริญพลาซ่า กล่าวว่า บริษัทของตนได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ดังกล่าวกับการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งในปีแรกที่เข้ามาจับจองเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ทางบริษัทก็ได้เข้ามาบูรณะปรับปรุงก่อสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นพื้นที่เช่าขายของ โดยระหว่างที่เช่าในปีแรกอยู่นั้น ทางการรถไฟฯได้ให้บริษัทไปทำสัญญาเช่าระยะเวลา 10 ปี แบ่งเป็นคราวละ 3 ปี ต่อสัญญา 1 ครั้ง ซึ่งในส่วนของ 2 ครั้งแรกที่ต่อสัญญาก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งใกล้หมดสัญญาเช่าในครั้งที่ 2 เมื่อเดือน ต.ค.51 ทางบริษัทได้ไปทำเรื่องต่อสัญญาและจะขอเช่าพื้นที่เพิ่มไป 30 ปี ทางการรถไฟฯ ได้ตอบตกลง และทำหนังสือตอบกลับมา และมีเงื่อนไขต่างๆ พร้อมกับให้ตอบกลับภายใน 15 วัน ระหว่างที่รออยู่นั้น ก็มีหนังสือแจ้งมาที่บริษัทว่า ให้ต่อสัญญาเช่าอีก 3 ปีสุดท้ายก่อน จากนั้นทางบริษัทจึงได้นำเงินไปแจ้งชำระสัญญาเช่าจำนวน 3 ปี ตามที่มีหนังสือแจ้งมา แต่ทางการรถไฟฯ กลับไม่รับ พร้อมกับแจ้งมาว่าได้ยกเลิกสัญญาแล้ว
จากนั้นทางบริษัทจึงขอทำสัญญาเช่า 30 ปี พร้อมกับนำเงินจำนวน 140,497,370 บาท เป็นเงินค่าเช่าพื้นที่ ไปวางแจ้งชำระกับสำนักงานวางทรัพย์ วันที่ 10 กรกฎาคม เมื่อทางการรถไฟทราบเรื่องได้แสดงท่าทีไม่พอใจ เนื่องจากไม่ต้องการให้เช่า 30 ปี แต่จะให้ต่อสัญญาเช่าอีกแค่ 3 ปี เท่านั้น ไม่เข้าใจว่าในเมื่อทางบริษัทจะทำสัญญาเช่า 3 ปี แต่ทางการรถไฟกลับปฏิเสธฯ เมื่อจะทำสัญญาเช่า 30 ปี แทน ก็กลับปฏิเสธอีก
นายสุเมะ สอนสุทธิ์ ทนายความ กล่าวว่า ตนจะเป็นตัวแทนบริษัทเจริญพลาซ่า เข้าไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.บางซื่อ ในข้อหาบุกรุก และหมิ่นประมาท เนื่องจากยังไม่ครบกำหนดระยะเลิกเช่า แต่ทางการรถไฟฯ กลับยกเลิกสัญญาและเข้ามาแจกจ่ายเอกสารเพื่อให้กลุ่มผู้ค้าเชื่อว่าได้ยกเลิกสัญญาไปแล้ว จากนั้นตนจะฟ้องทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ โดยมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายและหนังสือสัญญาพร้อมกับเอกสารการวางทรัพย์ไปประกอบ