ดันอุตฯหนังไทย ปั๊มเงินร่วมโครงการศก.เชิงสร้างสรรค์

ดันอุตฯหนังไทย ปั๊มเงินร่วมโครงการศก.เชิงสร้างสรรค์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในงานเสวนา ครีเอทีฟ อีโคโนมี (Creative Economy) เพื่ออนาคตวงการบันเทิงไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมว่า ภายใต้รัฐบาลชุดนี้จะผลักดันให้กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบันเทิงไทย เป็นส่วนสำคัญในโครงการ เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ที่แบ่งอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ใน 15 สาขา เช่น งานฝีมือ ธุรกิจอาหารไทย ภาพยนตร์ เพลง สิ่งพิมพ์ ออกแบบ รวมถึงแฟชั่น เป็นต้น

ทั้งนี้ปัจจุบันอุตสาหกรรมบันเทิงไทยมียอดรายได้อยู่ที่ประมาณ 9 แสนล้านบาท และการนำหลักเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์เข้ามาใช้จะทำให้ยอดรายได้ของอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท ภายในปี 2555 ยังเชื่อมั่นว่า อุตสาหกรรมบันเทิงไทยจะมีบทบาทสำคัญในารพัฒนาเศรษฐกิจของไทย

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ต่างชาติเลือกที่จะเข้ามาใช้ประเทศไทย เป็นที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ หรือสารคดีต่างๆ มากขึ้น ทางกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงวัฒนธรรม ได้มีการหารือถึงมาตรการการคืนภาษีให้แก่ผู้ที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ ในอัตราระหว่าง 15 -20% จากเดิมที่ประเทศไทยไม่เคยมีนโยบายนี้มาก่อน คาดว่าหากมีมาตราการคืนภาษีนี้แล้วจะสามารถทำยอดรายได้จากการเข้ามาถ่ายทำเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ถึงประมาณ 10 เท่า หรือที่ 20,000 ล้านบาท จากเดิมยอดอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จึงได้เสนอเรื่องเข้าในการประชุมครม. ในสมัยหน้าหรือเดือนสิงหาคมนี้

สำหรับอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่ประสบกับปัญหาารละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้น ทางรัฐบาลได้เพิ่มมาตรการให้เข้มขึ้นทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงในพื้นที่เขตชายแดน โดยมีการเสนอปรับปรุงร่างกฎหมายเพื่อเพิ่มความคุ้มครองใน พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์

ด้านนายนัดดา บุรณศิริ นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจบันเทิงไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ จะเป็นจุดดึงให้คนหันมาสนใจในประเทศไทย เพราะถือเป็นเทรนด์ของประเทศที่จะทำให้เกิดความนิยมและจะเกิดการซื้อตามมา สิ่งสำคัญคือต้องเป็นโครงการต่อเนื่องในระยะยาว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook