ค่ายมิตซูบิชิ แนะลดภาษีเก๋งช่วยตลาดรถอีโคคาร์บูม

ค่ายมิตซูบิชิ แนะลดภาษีเก๋งช่วยตลาดรถอีโคคาร์บูม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมว่า ในการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กอีโคคาร์จำนวน 100,000 คันในปีที่ 5 ที่ทางโตโยต้ามีความเห็นว่ามีจำนวนที่มากเกินไป ทางมิตซูบิชิไม่มีความขัดข้องหากโตโยต้าจะนัดพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปว่าควรปรับลดหรือไม่ อย่างไรก็ตามรถยนต์จำนวน 100,000 คันที่ทางบีโอไอกำหนดขึ้นนั้นมิตซูบิชิเห็นว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับการทำตลาด เพราะถ้าตลาดรวมมีตัวเลขรถไม่ถึง 100,000 คัน ตัวเลขการทำตลาดจะหมดความน่าสนใจทันที

"แผนงานของมิตซูบิชิในการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กอีโคคาร์ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินงาน หากแผนยังคงเดินหน้าและไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกจนทำให้ต้องชะลอออกไปหรือถอนตัวจากโครงการก่อน คาดว่ารถยนต์อีโคคาร์ของมิตซูบิชิจะสามารถทำตลาดได้ช่วงปี 2010-1012 นี้นายโนบุยูกิ

นายโนบุยูกิกล่าวว่า นอกจากการขอปรับลดยอดการผลิตที่โตโยต้าเสนอแล้ว บริษัมีความเห็นว่าการปรับลดภาษีรถยนต์นั่ง โดยนำร่องที่รถยนต์นั่งขนาดเล็กอีโคคาร์ก่อน ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่า เพราะช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้วางรถกระบะให้เป็นรถยนต์ที่มีฐานการผลิตและยอดขายหลักของประเทศทำให้ภาษีที่เสียอยู่ปัจจุบันค่อนข้างน้อยคือ 3% ส่วนรถยนต์นั่งทั่วไปอยู่ที่ 25-27% และรถยนต์อีโคคาร์เก็บภาษีอยู่ที่ 17% ซึ่งวัตถุประสงค์ของโครงการผลิตรถยนต์อีคาร์คือทำตลาดรถเก๋งให้ทัดเทียมกับรถกระบะ ดังนั้นรัฐบาลควรปรับลดภาษีรถยนต์นั่ง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็กอีโคคาร์ก่อน เพื่อทำให้ตลาดมีความน่าสนใจ โดยที่ไม่ไปกระทบต่อขนาดซึ่งหมายถึงยอดผลิตรวม 100,000 คันในปีที่ 5 นั่นเอง

นายโนบุยูกิกล่าวว่าสำหรับยอดการผลิตรวมของมิตซูบิชิในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 184,703 คัน ส่งออก 165,503 คัน ขายในประเทศ 19,232 คัน สำหรับในปีเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ขึ้นทั่วโลกทำให้บริษัทได้ปรับลดกำลังการผลิตลงมาอยู่ที่ 139,700 คัน แบ่งเป็นส่งออก 116,000 คัน ขายในประทศที่ 23,700 คัน

"การผลิตที่ลดลงทำให้บริษัทปลดพนักงานชั่วคราวออกจำนวน 1,100 คน แต่ขณะนี้เริ่มเรียกกลับเข้ามาทำใหม่แล้ว เนื่องจากกำลังการผลิตขณะนี้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการเตรียมกำลังผลิตสำหรับมิตซูบิชิแลนเซอร์รุ่นใหม่ ขนาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร ที่เตรียมออกสู่ตลาดปลายปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายในปีแรกไม่ต่ำกว่า 4,000 คันนายโนบุยูกิกล่าวและว่า หลังจากการทำตลาดรถมิตซูบิชิแลนเซอร์รุ่นใหม่ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้บวกกับการปรับปรุงด้านบริการให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้นเชื่อว่าจะสามารถดันส่วนแบ่งการตลาดรวมของมิตซูบิชิของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 3.6% เพิ่มขึ้นเป็น 4% แน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook