เอสเอ็มอีแบงก์ดึง 50 บริษัทญี่ปุ่นด้านอุตฯรถยนต์-อิเล็กทรอนิกส์จับคู่ทำธุรกิจร่วมในไทย

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมว่า ธนาคารได้จับมือร่วมกับJFC SME Unit (Japan Finance Corporation,SME unit) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินให้การสนับสนุน SMEs ในประเทศญี่ปุ่น นำผู้ประกอบการญี่ปุ่นในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์กว่า 50 บริษัทมาพบผู้ประกอบการไทยเพื่อจับมือทำธุรกิจร่วมกันในรูปแบบBusiness Matching ทั้งนี้บริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่ให้ความสนใจศักยภาพการผลิตและแหล่งผลิตในประเทศไทย และมองว่าผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการผลิตสูงสามารถตอบสนองความต้องการของบริษัทญี่ปุ่นได้นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทยในการโชว์ศักยภาพด้านการผลิตโดยธนาคารคาดหวังว่า การพบประกันของผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่นจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกันในอนาคตอันใกล้นี้

จุบันกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ถือว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่ผ่านมามีผู้ประกอบการญี่ปุ่นมาลงทุนจำนวนมาก ซึ่งกว่า 70%เป็นฐานลูกค้าของ JFC SME Unit ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและส่วนใหญ่มองว่าการทำธุรกิจหรือหาแหล่งผลิตที่มีคุณภาพในประเทศไทยจะเป็นการลดต้นทุนลงได้มากกว่านำเข้าจากฐานการผลิตจากต่างประเทศ

นายโสฬส กล่าวว่า การจับคู่ธุรกิจไทย-ญี่ปุ่นครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งที่ผ่านมาการจับคู่ธุรกิจทำในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น และอาหารซึ่งงานค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สำหรับการดำเนินงานจับคู่ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนและอิเล็กทรอนิกส์ในครั้งนี้ธนาคารได้ประสานงานกับสมาคมยานยนต์ สมาคมผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นต้น เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการที่เหมาะสมเข้าร่วมกิจกรรม แล่วนหนึ่งธนาคารจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมได้ด้วยโดยต้องเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติเคยมีการติดต่อทำธุรกรรมกับบริษัทต่างชาติ หรือเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานการผลิตอาทิ ISO/TS16949, JIS เป็นต้น ติดต่อโทร. 0-2265-3916 หรือ ARTCH@SMEBANK.CO.TH วันเดียวกันธนาคารได้จัดกิจกรรมสัมมนาประกอบด้วย"โอกาสและแนวทางในการทำธุรกิจกับญี่ปุ่น หัวข้อ "วัฒนธรรมในการทำธุรกิจของญี่ปุ่นและ หัวข้อ "ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยและในต่างประเทศ โดยเริ่มงานตั้งแต่เวลา 8.30 17.00 น. ในวันที่ 28 ก.ค. 2552 นี้ ที่สนามกีฬากองทัพบก (วิภาวดีรังสิต)