ซินแสบอกทักษิณต้องฆ่า4คนถึงได้กลับไทย พท.งงคดียิงสนธิโยงบิ๊กเหวียงเหตุเป็นที่ปรึกษาพรรค

ซินแสบอกทักษิณต้องฆ่า4คนถึงได้กลับไทย พท.งงคดียิงสนธิโยงบิ๊กเหวียงเหตุเป็นที่ปรึกษาพรรค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รองอธิบดียอมรับรถดีเอสไอพัวพันคดีลอบสังหารสนธิ พท.งงโยงเชษฐาเอี่ยว เชื่อถูกดึงเพราะเป็นที่ปรึกษาพรรค ส.ส.เพื่อไทยปูด ซินแสบอกทักษิณต้องฆ่าคน4คนถึงจะได้กลับเมืองไทย อภิสิทธิ์ลั่นธานีรู้คนบงการยิงแล้ว รองอธิบดีรับมีรถดีเอสไอพัวพันคดีลอบสังหารสนธิ

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ว่า ในวันนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอได้รับหนังสือจากหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อขออนุญาตสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีรถยนต์ทะเบียน สษ 1785 กรุงเทพฯ โดยพ.ต.อ.ทวี ได้มอบหมายให้ตนตรวจสอบ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า รถยนต์ทะเบียนดังกล่าว เป็นรถยนต์ซึ่งใช้ปฏิบัติราชการในดีเอสไอจริง แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดการใช้งานของสำนักงานเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ โดยจะรายงานผลการตรวจสอบรายละเอียดให้ดีเอสไอทราบภายในวันที่ 22 กรกฎาคม จากนั้นจะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวนต่อไป

พ.ต.อ.ทวีได้สั่งการให้ผู้มีหน้าที่ให้ความร่วมมือกับคณะพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่ แต่ติดที่รายละเอียดในหนังสือดังกล่าวมีไม่มากพอ จึงยังไม่สามารถชี้แจงให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตามภายในสัปดาห์นี้ เชื่อว่าจะสามารถนัดหมายพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์คันดังกล่าวทั้งหมดมาให้รายละเอียดได้ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกล่าว

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า หนังสือที่ได้รับจากพนักงานสอบสวนระบุเพียงว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่ารถยนต์คันหมายเลขทะเบียนข้างต้นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดียิงนายสนธิ แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดว่ากระทำความผิดอย่างไร เมื่อใดและที่ใด และขออนุญาตสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์คันดังกล่าว ดังนั้นภายในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะนัดหมายไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อให้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน สศ1785

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวน พ.ต.อ.ทวี และพ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ เพราะยังไม่มีหลักฐานว่าบุคคลทั้ง 2 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในเบื้องต้นจึงให้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด เกี่ยวกับส.ต.ท.วรวุฒิ รวมถึงการใช้รถยนต์และอุปกรณ์ของดีเอสไอ

ด้านนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการทราบข้อมูลเพียงว่าส.ต.ท.วรวุฒิ หรือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนใดบ้าง ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน สศ1785 เพราะต้องการขยายผลว่า ผู้ต้องหาได้นำรถคันดังกล่าวไปร่วมวางแผนสังหารนายสนธิหรือไม่ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมหลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบการใช้รถยนต์ของดีเอสไอทั้งหมด หากพบว่ามีการนำรถยนต์ของกรมฯไปใช้ในภารกิจส่วนตัว จะดำเนินการลงโทษทางวินัย ทั้งนี้ดีเอสไอต้องกำหนดหลักเกณฑ์การใช้รถยนต์ของหลวงอย่างเข้มงวด เช่น เบิกรถไปใช้ปฏิบัติภารกิจ 10 วัน ก็สามารถใช้ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ทุกภารกิจต้องมีกำหนดเวลาสิ้นสุดไม่ใช่นำรถไปใช้ครอบครองเสมือนรถยนต์ส่วนตัว จอดรถที่ไว้บ้านของตัวเองทุกวัน กรณีการใช้รถของทางราชการเสมือนของส่วนตัวที่ผ่านมาอดีตอธิบดีดีเอสไอและรองอธิบดีดีเอสไอก็ยังถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากผิดจริงก็ต้องถูกลงโทษไม่มียกเว้น

พท.งงโยงบิ๊กเหวียงเหตุเป็นที่ปรึกษาพรรค

ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.11) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ถึงการคลี่คลายคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่า ไม่ค่อยหนักใจ เพราะ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวน มาพบและรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ เกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี ทุกครั้งถ้ามีอุปสรรคก็ได้ขอให้บอกมาว่าจะให้แก้อย่างไร ถึงวันนี้ยังเป็นเช่นนั้นอยู่

ผมคุยกับคุณธานี คุณธานีบอกมั่นใจ ทำต่อได้ เดินต่อได้ ผมเชื่อความตรงไปตรงมาของคุณธานี จึงไม่หนักใจในคดีของคุณสนธิ ใครทำก็ต้องรับผลตามนั้น ทุกคดีต้องไม่มีสีสำหรับผมนายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้ดำเนินรายการถามว่า สมมุติว่ามีนายทหารยศสูงมาเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะยศอะไรก็แล้วแต่ ต้องทำ เพราะสิ่งหนึ่งที่พูดชัดเจนคือ ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายมานาน ทำให้เกิดความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ ดังนั้นดีที่สุดคือให้ไปสอบถาม พล.ต.อ.ธานีว่าได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตนหรือไม่ และถ้า พล.ต.อ.ธานีทำไม่ไหวหรือติดขัดอะไรก็ต้องบอกตน ถ้าบอกแล้วตนไม่ทำก็มาเล่นงานตนได้

เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ลงไปในรายละเอียด และไม่มาคาดคะเนด้วยตัวเอง ก็บอกให้ พล.ต.อ.ธานีทำไปตามพยานหลักฐาน ซึ่ง พล.ต.อ.ธานีจะไม่พูดทั้งหมด จะพูดคร่าวๆ ตนขอความเห็นใจ เพราะคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ถ้าจะบอกให้พนักงานสอบสวนมาบอกกับประชาชนว่ามีข้อมูลอะไรอยู่บ้างในมือ คงทำไม่ได้

ผมชอบใจก็คือคุณธานีบอกกับผมเองว่าหลักการทำคดีของท่านจะไม่พูดง่ายๆ คือเหวี่ยงไปก่อน เสร็จแล้วไปวัดดวงเอา สุดท้ายเจอหลายคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือพอขึ้นศาลแล้วศาลยกฟ้อง ไม่ทำอย่างนั้น เอาความแน่นอนระดับหนึ่งถึงจะดำเนินการ นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้ดำเนินรายการถามว่า แต่ พล.ต.อ.ธานีทราบใช่หรือไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ท่านก็ต้องทราบ และการเชื่อมโยงก็มี แต่ต้องมีพยานหลักฐาน เมื่อถามว่า ถ้า พล.ต.อ.ธานีทราบก็ต้องรายงาน แสดงว่านายกฯต้องทราบเหมือนกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผมพยายามหาข้อมูลด้วยตัวเองบ้าง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดกับสาธารณะ เดี๋ยวจะกลายเป็นชี้นำไป

ต่อมานายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงกระแสข่าว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. สั่งย้ายนายตำรวจที่เข้ามาร่วมคลี่คลายคดีลอบยิงนายสนธิว่า มีนายตำรวจที่ถูกยืมตัวมาช่วยคลี่คลายคดีแล้วถูกส่งตัวกลับไป เมื่อมีความต้องการให้อยู่ตรงนี้ต่อก็เลยดึงตัวกลับมา เมื่อถามว่า สอบถามเหตุผลจาก ผบ.ตร.หรือไม่ เพราะยืนยันตลอดว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีนายสนธิ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เท่าที่คุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้รับคำชี้แจงว่าตำรวจนายนี้มีภารกิจอยู่ที่ จ.สุราษฎรธานี ด้วย แต่ตนบอกไปว่าน่าจะมาทำคดีต่อ ส่วนที่มีข่าวออกมาว่านายตำรวจคนนี้กำลังตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์อยู่ ทำให้ถูกตัดตอนนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เท่าที่คุยกับ ผบ.ตร. ไม่ใช่อย่างนั้น เอาเป็นว่าไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆ หากทำให้คดีไม่คืบหน้า จะแก้ไขแน่นอน และ ผบ.ตร.ทราบดีว่าเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.พัชรวาทอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร. ทำให้ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีรู้สึกหวาดผวา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ เพราะเท่าที่พูดคุยกับ พล.ต.อ.ธานี ได้รับคำยืนยันว่าไม่เป็นปัญหา และยังสามารถทำงานได้ เมื่อถามว่า ก่อน พล.ต.อ.ธานีจะเกษียณอายุราชการจะปิดคดีได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใช่ครับ ผมก็ย้ำไปตลอด ท่านก็บอกว่าท่านทำได้เมื่อถามย้ำว่า คิดว่า พล.ต.อ.พัชรวาทไม่ใช่อุปสรรคในการสางคดีนี้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในขณะนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าเหตุที่ไม่ย้าย ผบ.ตร. เพราะรัฐบาลไม่กล้าขัดใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พี่ชาย พล.ต.อ.พัชรวาท ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่มีความขัดแย้งระหว่าง ผบ.ตร. กับพนักงานสืบสวนคดีนายสนธิ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ท่านก็ไม่เห็นพูดอย่างนั้น

ด้าน พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ สังกัดศูนย์ข่าว บช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิงนายสนธิ ว่า หลังจาก พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. ลงนามคำสั่งให้ ส.ต.ท.วรวุฒิ ออกจากราชการแล้วเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เนื่องจากผิดวินัยร้ายแรงจากการขาดราชการเกิน 15 วัน ทำให้ความเป็นเจ้าพนักงานสิ้นสุดลง ส่งผลให้ไม่สามารถพกพาอาวุธปืนและการอ้างตัวเป็นตำรวจได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อ ส.ต.ท.วรวุฒิได้ และยังไม่ได้รับการประสานมาทาง บช.ปส.ว่าผู้ต้องหาจะขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด ทาง บช.ปส.ประสานติดต่อญาติของ ส.ต.ท.วรวุฒิเพื่อขอให้เข้ามอบตัวและแจ้งว่ามีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว แต่ทางญาติระบุว่าไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน ส่วนจะเข้ามอบตัวที่ใดเป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ไม่ได้ประสานมาทาง บช.ปส.แต่อย่างใด

พล.ต.ต.อดิเทพกล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษทำหนังสือลับส่งถึงอธิบดีกรมการปกครอง เพื่อขอให้จัดทำฐานข้อมูลทะเบียนบุคคลใหม่ โดยขอให้เปลี่ยนชื่อนามสกุล และที่อยู่ของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ให้เป็นนายอรรถพล ปาทาน เพื่อต้องแฝงตัวเข้าไปสืบราชการในขบวนการค้ายาเสพติดภาคใต้ว่า ตนเห็นว่าถือเป็นการยอมรับไปโดยปริยายว่า ส.ต.ท.วรวุฒิเคยทำงานให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษมาก่อน แต่ต้นสังกัดของ ส.ต.ท.วรวุฒิยังคงอยู่ที่ บช.ปส.

พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.ต.ท.วรวุฒิ ว่าอยู่ระหว่างทำหนังสือไปสอบถามที่กองกำลังพล กองทัพบก ว่า จ.ส.อ.ปัญญาอยู่ในหน่วยงานหรือสังกัดใดที่ชัดเจน ส่วน ส.ต.ท.วรวุฒิยังไม่มีการยืนยันว่าจะเข้ามอบตัว ส่วนที่มีกระแสข่าว่ามีการตั้งค่าหัวสำหรับผู้แจ้งเบาะแสไปสู่การจับกุมบุคคลทั้งสองนั้น พนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีการหารือกัน และยังไม่มีการเรียกตัวนายทหารคนใดมาสอบสวนตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวระหว่างตรวจมาตรการรักษาความปลอดภัยการประชุมอาเซียนที่ จ.ภูเก็ต ถึงความคืบหน้าคดียิงนายสนธิ ว่ายังไม่ได้รับรายงานจาก พล.ต.อ.ธานี อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันการทำงานว่าระหว่างตนกับ พล.ต.อ.ธานี ว่าไม่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด

ด้านนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทยและรองโฆษกของพรรค กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ถูกเชื่อมโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายสนธิว่า มั่นใจว่า พล.อ.เชษฐาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับนายสนธิ จึงต้องถามกลับไปว่ามีการทิ่มแทงกันเองเพราะต้องการให้คนอื่นขึ้นมาทำงานแทนหรือไม่ การที่มีชื่อ พล.อ.เชษฐาเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีไม่เฉพาะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่งุนงง แต่คนงงกันทั้งประเทศ แต่ตนยังไม่อยากเชื่อว่ามีความพยายามโยง พล.อ.เชษฐา เพราะเป็นที่ปรึกษาของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ครั้งแรกมีความพยายามโยงมาที่ตนและ พล.ท.มะ โพธิ์งาม ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เพื่อโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากช่วงเกิดเหตุพวกตนเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่เกาะฮ่องกง จากนั้นเรื่องเงียบไป

พ.ต.ท.ทักษิณเคยเล่าให้ผมฟังครั้งหนึ่งว่า มีซินแสชื่อดังของจีนบอกว่าจะกลับประเทศไทยได้ต้องฆ่าคน 4 คน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า ถ้าฆ่าคนเพื่อได้กลับประเทศไม่ทำ เพราะเป็นคนพุทธ จะยอมรอจนกว่าคนในประเทศจะเข้าใจ ซึ่งซินแสยังทำนายอีกว่า ดวง พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับประเทศแน่นอน แต่ช้าหรือเร็วอยู่ที่บุญกรรม ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงได้เดินทางไปศึกษาดูงานในประเทศต่างๆ เมื่อกลับมาแล้วจะได้ทำงานได้เลยนายสุชาติกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook