ฮิลลารีหวังผนึกกำลังอาเซียน ชูไทยออกกม.ปราบค้ามนุษย์ กษิตแถลงเดินหน้าตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน

ฮิลลารีหวังผนึกกำลังอาเซียน ชูไทยออกกม.ปราบค้ามนุษย์ กษิตแถลงเดินหน้าตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ฮิลลารีออกบทความหยอดหวังผนึกกำลังอาเซียนร่วมรับมือปัญหาใหม่ ปรบมือให้ไทยประเดิมออกกม.ปราบค้ามนุษย์ กษิตแถลงผลประชุมรมต.อาเซียน ผลักดันร่วมปฏิบัติตามกฎบัตร ยันองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนต้องเกิด ชงเดินหน้าสร้างเท่าเทียม เชื่อพม่าเข้าใจ นำร่องแก้ปัญหา โรฮิงญา กษิตแถลงเดินหน้าตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชน

เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 20 กรกฎาคม นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานในที่ประชุม แถลงข่าวถึงผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 ว่า บรรยากาศของการหารือในเวทีต่างๆ ทำให้มีความรู้สึกร่วมกันว่าขณะนี้อาเซียนเป็นองค์กรที่มีกฎบัตรฯ และกำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคต การหารือเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ ทุกคนมีความรู้สึกว่าเราต้องทำงานร่วมกัน วางแผนและกำหนดเป้าหมายของเราเอง

ผมเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของการทำงานเพื่อมุ่งหน้าไปสู่การรวมตัวกันเป็นประชาคมของอาเซียนโดยไม่จำเป็นต้องให้ต่างชาติมาบอกว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราควรหรือไม่ควรทำ ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่อาเซียนจะเป็นผู้กำหนดอนาคตและชะตากรรมของเราเองว่าเราควรมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางใดในฐานะครอบครัวเดียวกัน นายกษิตกล่าว

นายกษิต ตอบคำถามเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนซึ่งที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนได้ให้การรับรองทีโออาร์ไปแล้วแต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายเป็นองค์กรที่ไม่มีอำนาจมากพอว่า การตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนเป็นกระบวนการที่ต้องมีพัฒนาการต่อไปในอนาคต ทำไมไม่มองในแง่บวกบ้างว่าเมื่อพิจารณาจากความแตกต่างกันของประเทศสมาชิกขณะนี้ถือว่าเรามาไกลแล้วที่สามารถจัดตั้งองค์กรเช่นนี้ขึ้นได้ การกำหนดให้มีการทบทวนในอีก 5 ปีข้างหน้าก็เป็นการให้แนวทางแล้วว่าเราจะต้องก้าวไปข้างหน้าในเรื่องดังกล่าวต่อไปในวิถีทางที่เคารพซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการสัมภาษณ์มีผู้สื่อข่าวจากอินโดนีเซียถามว่าการตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียนจะไม่ขัดกับการที่ไทยยังคงมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งห้ามการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันหรือ นายกษิตกล่าวว่า ไทยเป็นสังคมเปิด เราไม่มีอะไรต้องซ่อนเร้น ไม่ว่าจะมีองค์กรสิทธิมนุษยชนของอาเซียนหรือไม่ เราก็ยังคงเคารพหลักกฎหมายและปฎิบัติต่อทุกคนโดยเท่าเทียมกัน แต่การที่ต้องมีกฎหมายดังกล่าวก็เพื่อปกป้องสถาบันซึ่งไม่มีอะไรเป็นเครื่องมือในการปกป้องตนเอง ในลักษณะเดียวกับที่ต้องมีการปกป้องผู้พิพากษาจากการข่มขู่คุกคามซึ่งก็เป็นเหมือนกับที่ทุกประเทศทำกัน ตามรัฐธรรมนูญไทยเขียนไว้ชัดเจนว่ากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง ดังนั้นอย่านำเอาสองเรื่องมาปนกัน เพราะขณะนี้มีคนบางส่วนพยายามดึงเอาสถาบันมาเป็นส่วนหนึ่งของข้อต่อสู้ทางการเมืองในประเทศ

ส่วนเรื่องพม่านั้น นายกษิตกล่าวว่า เชื่อว่าพม่าทราบดีถึงความหวังของอาเซียนต่อพม่า และพม่ามีพันธกรณีต่ออาเซียนในฐานะสมาชิกที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร นับเป็นเรื่องดีที่พม่าพร้อมให้ความร่วมมือกับอาเซียนในการแก้ไขปัญหาต่างๆรวมถึงประเด็นเรื่องโรฮิงญา แต่ต้องให้เวลาพม่าทำงานด้วย

มาร์คเปิดประชุมรมต.อาเซียน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ก่อนที่จะเป็นประธานเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับคู่เจรจา รวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ลากูน่า ภูเก็ต ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17-23 กรกฎาคม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวระหว่างเปิดประชุมตอนหนึ่งว่า การที่ไทยได้ทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 3 เรื่อง ได้แก่ การจัดตั้งประชาคมอาเซียนให้บรรลุตามกฎบัตรอาเซียนในเวลาที่กำหนดไว้ในปี 2558 และหวังว่าระหว่างการเดินทางไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 อาเซียนจะผนึกความคิดไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ในมุมมองของไทยเห็นว่า อาเซียนควรเป็นประชาคมแห่งการปฏิบัติ เพื่อรับมือกับความท้าทายในภูมิภาคและโลก เป็นประชาคมแห่งการติดต่อเชื่อมโยงระหว่างกัน และเป็นประชาคมของประชาชน เป้าหมายที่สองคือ การริเริ่มการดำเนินการขององค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนให้เกิดขึ้นได้ในการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ในเดือนตุลาคมนี้ และสุดท้ายคือ การรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในภูมิภาคและโลก

สิ่งที่เราใฝ่ฝันคือ อยากให้ภูมิภาคของเรา ซึ่งประกอบไปด้วยผู้คนที่หลากหลาย มีความศรัทธาและความเชื่อที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว โดยชื่นชมและเคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรม ผมหวังว่าประสบการณ์และการสานต่อการสมานฉันท์ระหว่างอาเซียน จะได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นแบบอย่างของภูมิภาคแห่งความสมานฉันท์กลมเกลียว มีเอกภาพในความแตกต่าง และเป็นแบบอย่างที่จะนำมาซึ่งความคิดใหม่ๆ สำหรับสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง นายอภิสิทธิ์กล่าว

ฮิลลารีหวังผนึกรับมือแก้ปัญหา

ขณะที่ฝ่ายสื่อมวลชนและวัฒนธรรม สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เผยแพร่บทความนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ หัวข้อ กระชับความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สรุปว่า สหรัฐและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นมิตรเก่าแก่ ซึ่งกำลังเผชิญปัญหารูปแบบใหม่ๆ และพวกเราจะต้องเสริมสร้างความร่วมมือรูปแบบใหม่ เพื่อรับมือกับสิ่งท้าทายต่างๆ ในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะไม่มีชาติใดจะสามารถรับมือกับปัญหาของโลกในยุคนี้ได้เพียงลำพัง

เมื่อต้นปีนี้ ข้าพเจ้าได้ประกาศว่า สหรัฐจะพยายามเข้าเป็นภาคีแห่งสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การดำเนินการดังกล่าวมีความคืบหน้ามาก และเราหวังว่าเราจะได้ฉลองความสำเร็จแห่งการเข้าเป็นภาคีได้ในไม่ช้า นางฮิลลารีระบุ และว่า เราจะทำงานร่วมกับรัฐบาล ประชาสังคม และประชาชน เพื่อพัฒนาวิธีการปกครองที่มีความรับผิดชอบ สถาบันประชาธิปไตยและการเคารพสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งเหล่านี้คือ ค่านิยมหลักสำหรับสหรัฐ และสำหรับอาเซียน ค่านิยมเหล่านี้ถือเป็นหลักสำคัญในกฎบัตรอาเซียนฉบับใหม่

ชมไทยออกกม.ปราบค้ามนุษย์

นางฮิลลารีระบุว่า พวกเรายังมีเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะสร้างเอเชียที่สงบสุข ปราศจากภัยคุกคามจากการแพร่ขยายอาวุธ การรุกรานและอาชญากรรม นี่คือคำตอบว่าเหตุใดสหรัฐจะยังคงแสวงหาความร่วมมือจากอาเซียนในการบังคับใช้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกับประเทศเกาหลีเหนือ และจะยังส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อสู้กับการค้ามนุษย์ การลักลอบค้ายาเสพติด และองค์กรอาชญากรรม

ข้าพเจ้าขอปรบมือให้แก่ประเทศไทยที่ได้ออกกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ฉบับแรก ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2551 การดำเนินคดีและการให้ความช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ซึ่งเราคาดว่าจะเกิดขึ้นอันเป็นผลจากการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้จะเป็นก้าวที่สำคัญในทิศทางที่ถูกต้องในการต่อสู้กับปัญหาเร่งด่วนด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคนี้และทั่วโลก นางฮิลลารีระบุ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook