รองหน.เพื่อไทยไม่รับคำท้าเทพไท เมินชิงเก้าอี้ส.ส.สุราษฏร์ฯ สุเทพบ่นไขก๊อกแล้วเรื่องยังไม่จบ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ไม่ได้เคืองตน ในเรื่องที่ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.สุราษฏร์ธานี เขต 1 ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ลงมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส.เนื่องจากการถือหุ้นต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐในลักษณะผูกขาดตัดตอน และการลาออกในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบเพราะได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันก็เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องนี้มีการคุยกันในพรรคกันมาก่อนแล้ว ซึ่งมีหลากหลายความเห็น
ทั้งนี้ ได้บอกไปแล้วว่าไม่ประสงค์ให้ 12 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ กกต.ลงมติพ้นสมาชิกภาพในคราวเดียวกันลาออกตาม เพราะเหตุผลไม่เหมือนกัน อยากให้ ส.ส.คนอื่นที่ไม่ได้มีภาระมาก ไปต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในศาลรัฐธรรมนูญ ที่จริงผมคิดว่าตั้งแต่ผมลาออกเรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว ถ้ามาพูดกันทุกวัน รู้อย่างนี้ตัดสินใจอย่างอื่นดีกว่า นายสุเทพกล่าว
อ้างส่งน้องซ่อมกก.พรรคคัดเอง
นายสุเทพอ้างด้วยว่า การส่งนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายลงสมัครเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สุราษฎร์ธานี แทนตำแหน่งที่ว่าง ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องกลไกของพรรค ที่มีคณะกรรมการเพื่อเลือกตัวผู้สมัคร
นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องที่ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้าให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ส่งนายยุงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมแข่งกับน้องชายที่ เขต 1 สุราษฎร์ธานี ว่า เป็นเรื่องความคิดเห็นของนายเทพไท โดยนายยงยุทธก็เป็นคนสุราษฎ์ธานี ซึ่งนายธวัช วิชัยดิษฐ พี่ชายนายยงยุทธก็เป็นอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี เมื่อถามว่า ระหว่างตระกูลเทือกสุบรรณกับวิชัยดิษฐ ใครจะแน่กว่ากัน นายสุเทพกล่าวว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องการนำตระกูลมาห้ำหั่นกัน
ยงยุทธไม่รับคำท้า-เหตุห่างพื้นที่
นายพร้อมพศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. กล่าวว่า นายยงยุทธไม่รับคำท้าของพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เท่าที่ได้พูดคุยนายยงยุทธบอกว่าเคยเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทำให้มีพรรคพวกมาก ที่สำคัญคือตระกูลวิชัยดิษฐนั้นเป็นตระกูลใหญ่ในสุราษฎร์ธานี จึงมีญาติพี่น้องจำนวนมาก แม้ฐานเสียงของตระกูลจะมีมากใน จ.สุราษฎร์ธานี แต่การลงสมัคร ส.ส.เขตนั้นจะต้องมีการหาเสียงและต้องกระทบกระทั่งกับหลายฝ่าย จึงไม่อยากให้ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ อึดอัดในการลงสมัคร ส.ส.แบบเขต โดยตั้งใจว่าในอนาคตจะลงสมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน จะได้ช่วยงานพรรคและไม่ต้องกระทบกระทั่งกับใคร
นายยงยุทธกล่าวว่า อยู่ในระบบพรรคดังนั้นจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่อยู่ที่ลูกพรรคกำหนด ผมออกจากพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มาตั้งแต่ พ.ศ.2500 (52 ปีมาแล้ว) แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยผูกพันหรือได้รับใช้ประชาชนในพื้นที่เลย ทำให้ไม่เป็นที่รู้จักของประชาชน ที่สำคัญผมไม่มีความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย นายยงยุทธกล่าว
เมื่อถามว่า หากในอนาคตมีโอกาสลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ที่คุ้นเคยจะตัดสินใจอีกครั้งหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่โดยส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ คิดแต่เพียงว่าอยากทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอย่างเดียวเท่านั้น
เทพไทไม่เลิกตามเย้ยท้าลงแข่ง
นายเทพไท แถลงว่า ก็ไม่ใช่การท้าทายนายยงยุทธ แต่เป็นเพราะเห็นว่านายยงยุทธมีฐานเสียงอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และหากส่งน้องชายนายยงยุทธ อย่างนายสมพล วิชัยดิษฐ ซึ่งแพ้เลือกตั้งซ้ำซากลงก็จะไม่สนุก การที่ขอให้นายยงยุทธลงเลือกตั้งด้วยตัวเอง นอกจากเป็นการสร้างสีสันแล้ว ยังเป็นการจับมวยถูกคู่มาชกกันด้วย ที่สำคัญ พท.จะได้มีหัวหน้าพรรคเป็น ส.ส.กับเขาเสียที
นายเทพไทยังกล่าวตอบโต้ พท.ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แสดงความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่มีท่าทีชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาประเด็นการแก้ไข แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น นายกฯจึงต้องใช้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ เพราะที่ผ่านมามีเสียงคัดค้านจากกลุ่ม 40 ส.ว. และต้องเคารพเสียงประชามติที่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญปี 2550 จำนวน 14 ล้านเสียงด้วย ส่วนตัวจึงเห็นว่าควรจะทำประชามติเพื่อสอบถามความเห็นประชาชนก่อน
นายไพบูลย์ ิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กรณีเอแบคโพลล์สำรวจความคิดเห็นประชาชน พบร้อยละ 62.7% เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ออกมาคงไม่ได้หวังที่จะให้แก้ทั้ง 6 ประเด็น กลุ่ม 40 ส.ว. ก็อยากให้แก้บางประเด็น จึงอยากเรียกร้องให้สำนักโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยเจาะจงทีละมาตราว่าต้องการให้แก้มาตราใดบ้าง ไม่ใช่ไปถามแบบรวมๆ
เสนาะปลงอาจถึงเวลาพักผ่อน
นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.สัดส่วน และหัวหน้าพรรคประชาราช (ป.ช.ร.) ให้สัมภาษณ์ที่สนามกอล์ฟโลตัส วัลเลย์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กรณีเป็น 1 ในกลุ่ม ส.ส.ที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ กกต.ให้สิ้นสภาพการเป็น ส.ส. เนื่องจากการถือครองหุ้นสัมปทาน กล่าวว่า สถาบันหลักต้องมีดุลพินิจ เอาตามตัวหนังสือไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับเดิมไม่มีการเขียนไว้อย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเจตนารมณ์ที่ต้องการดูแลเรื่องคอร์รัปชั่นแต่กลายเป็นว่าโจรที่จะมาคอร์รัปชั่นลอยลำ ซึ่ง ส.ส.ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ถือหุ้นอยู่นิดเดียว และหุ้นเหล่านี้ก็เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ถามว่าหุ้นที่มีจำนวนน้อยเช่นนี้จะเอาไปทำอะไรได้ ขณะเดียวกันผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลับถือหุ้นได้แต่ ส.ส.ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกกดดันจากกรณีที่นายสุเทพลาออกหรือไม่ นายเสนาะกล่าวว่า ไม่มีอะไรกดดัน และได้พูดในทางสร้างสรรค์ว่าต้องดูที่เจตนาแม้กระทั่งศาล จำเลยไปฆ่าคนตายก็ต้องดูที่เจตนาเหมือนกัน โดยส่วนตัวก็ไม่มีอะไร ได้แถลงไปหมดแล้ว ถ้า กกต.มีสามัญสำนึกบ้าง
ผมคงไม่ฟ้องร้อง กกต.ในเรื่องนี้ ก็ถือว่าถึงเวลาได้พักผ่อนเสียที นายเสนาะกล่าว