รองหน.เพื่อไทยไม่รับคำท้าเทพไท เมินชิงเก้าอี้ส.ส.สุราษฏร์ฯ สุเทพบ่นไขก๊อกแล้วเรื่องยังไม่จบ

รองหน.เพื่อไทยไม่รับคำท้าเทพไท เมินชิงเก้าอี้ส.ส.สุราษฏร์ฯ สุเทพบ่นไขก๊อกแล้วเรื่องยังไม่จบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สุเทพโอดลาออกแล้วเรื่องยังไม่จบ รู้อย่างนี้ตัดสินใจแบบอื่น อ้างพรรคเลือกน้องชายเลือกตั้งซ่อมเอง ปัดห้ำหั่นตระกูลคู่แข่ง ยงยุทธไม่รับคำท้าเทพไท เมินลงชิงเก้าอี้ อ้างห่างพื้นที่นาน50ปี สุเทพบ่นลาออกแล้วเรื่องไม่จบ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ไม่ได้เคืองตน ในเรื่องที่ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.สุราษฏร์ธานี เขต 1 ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ลงมติให้พ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส.เนื่องจากการถือหุ้นต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐในลักษณะผูกขาดตัดตอน และการลาออกในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจแบบสายฟ้าแลบเพราะได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันก็เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องนี้มีการคุยกันในพรรคกันมาก่อนแล้ว ซึ่งมีหลากหลายความเห็น

ทั้งนี้ ได้บอกไปแล้วว่าไม่ประสงค์ให้ 12 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ กกต.ลงมติพ้นสมาชิกภาพในคราวเดียวกันลาออกตาม เพราะเหตุผลไม่เหมือนกัน อยากให้ ส.ส.คนอื่นที่ไม่ได้มีภาระมาก ไปต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในศาลรัฐธรรมนูญ ที่จริงผมคิดว่าตั้งแต่ผมลาออกเรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว ถ้ามาพูดกันทุกวัน รู้อย่างนี้ตัดสินใจอย่างอื่นดีกว่า นายสุเทพกล่าว

อ้างส่งน้องซ่อมกก.พรรคคัดเอง

นายสุเทพอ้างด้วยว่า การส่งนายธานี เทือกสุบรรณ น้องชายลงสมัครเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สุราษฎร์ธานี แทนตำแหน่งที่ว่าง ไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องกลไกของพรรค ที่มีคณะกรรมการเพื่อเลือกตัวผู้สมัคร

นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องที่ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท้าให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ส่งนายยุงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมแข่งกับน้องชายที่ เขต 1 สุราษฎร์ธานี ว่า เป็นเรื่องความคิดเห็นของนายเทพไท โดยนายยงยุทธก็เป็นคนสุราษฎ์ธานี ซึ่งนายธวัช วิชัยดิษฐ พี่ชายนายยงยุทธก็เป็นอดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี เมื่อถามว่า ระหว่างตระกูลเทือกสุบรรณกับวิชัยดิษฐ ใครจะแน่กว่ากัน นายสุเทพกล่าวว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องการนำตระกูลมาห้ำหั่นกัน

ยงยุทธไม่รับคำท้า-เหตุห่างพื้นที่

นายพร้อมพศ์ นพฤทธิ์ โฆษก พท. กล่าวว่า นายยงยุทธไม่รับคำท้าของพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน เท่าที่ได้พูดคุยนายยงยุทธบอกว่าเคยเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทำให้มีพรรคพวกมาก ที่สำคัญคือตระกูลวิชัยดิษฐนั้นเป็นตระกูลใหญ่ในสุราษฎร์ธานี จึงมีญาติพี่น้องจำนวนมาก แม้ฐานเสียงของตระกูลจะมีมากใน จ.สุราษฎร์ธานี แต่การลงสมัคร ส.ส.เขตนั้นจะต้องมีการหาเสียงและต้องกระทบกระทั่งกับหลายฝ่าย จึงไม่อยากให้ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ อึดอัดในการลงสมัคร ส.ส.แบบเขต โดยตั้งใจว่าในอนาคตจะลงสมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน จะได้ช่วยงานพรรคและไม่ต้องกระทบกระทั่งกับใคร

นายยงยุทธกล่าวว่า อยู่ในระบบพรรคดังนั้นจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่อยู่ที่ลูกพรรคกำหนด ผมออกจากพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี มาตั้งแต่ พ.ศ.2500 (52 ปีมาแล้ว) แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยผูกพันหรือได้รับใช้ประชาชนในพื้นที่เลย ทำให้ไม่เป็นที่รู้จักของประชาชน ที่สำคัญผมไม่มีความพร้อมในการลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย นายยงยุทธกล่าว

เมื่อถามว่า หากในอนาคตมีโอกาสลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ที่คุ้นเคยจะตัดสินใจอีกครั้งหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่โดยส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ คิดแต่เพียงว่าอยากทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอย่างเดียวเท่านั้น

เทพไทไม่เลิกตามเย้ยท้าลงแข่ง

นายเทพไท แถลงว่า ก็ไม่ใช่การท้าทายนายยงยุทธ แต่เป็นเพราะเห็นว่านายยงยุทธมีฐานเสียงอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี และหากส่งน้องชายนายยงยุทธ อย่างนายสมพล วิชัยดิษฐ ซึ่งแพ้เลือกตั้งซ้ำซากลงก็จะไม่สนุก การที่ขอให้นายยงยุทธลงเลือกตั้งด้วยตัวเอง นอกจากเป็นการสร้างสีสันแล้ว ยังเป็นการจับมวยถูกคู่มาชกกันด้วย ที่สำคัญ พท.จะได้มีหัวหน้าพรรคเป็น ส.ส.กับเขาเสียที

นายเทพไทยังกล่าวตอบโต้ พท.ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แสดงความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า นายอภิสิทธิ์เป็นคนที่มีท่าทีชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาประเด็นการแก้ไข แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น นายกฯจึงต้องใช้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ เพราะที่ผ่านมามีเสียงคัดค้านจากกลุ่ม 40 ส.ว. และต้องเคารพเสียงประชามติที่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญปี 2550 จำนวน 14 ล้านเสียงด้วย ส่วนตัวจึงเห็นว่าควรจะทำประชามติเพื่อสอบถามความเห็นประชาชนก่อน

นายไพบูลย์ ิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กรณีเอแบคโพลล์สำรวจความคิดเห็นประชาชน พบร้อยละ 62.7% เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ออกมาคงไม่ได้หวังที่จะให้แก้ทั้ง 6 ประเด็น กลุ่ม 40 ส.ว. ก็อยากให้แก้บางประเด็น จึงอยากเรียกร้องให้สำนักโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยเจาะจงทีละมาตราว่าต้องการให้แก้มาตราใดบ้าง ไม่ใช่ไปถามแบบรวมๆ

เสนาะปลงอาจถึงเวลาพักผ่อน

นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.สัดส่วน และหัวหน้าพรรคประชาราช (ป.ช.ร.) ให้สัมภาษณ์ที่สนามกอล์ฟโลตัส วัลเลย์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟ คลับ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กรณีเป็น 1 ในกลุ่ม ส.ส.ที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ กกต.ให้สิ้นสภาพการเป็น ส.ส. เนื่องจากการถือครองหุ้นสัมปทาน กล่าวว่า สถาบันหลักต้องมีดุลพินิจ เอาตามตัวหนังสือไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับเดิมไม่มีการเขียนไว้อย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเจตนารมณ์ที่ต้องการดูแลเรื่องคอร์รัปชั่นแต่กลายเป็นว่าโจรที่จะมาคอร์รัปชั่นลอยลำ ซึ่ง ส.ส.ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ถือหุ้นอยู่นิดเดียว และหุ้นเหล่านี้ก็เป็นหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ถามว่าหุ้นที่มีจำนวนน้อยเช่นนี้จะเอาไปทำอะไรได้ ขณะเดียวกันผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลับถือหุ้นได้แต่ ส.ส.ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกกดดันจากกรณีที่นายสุเทพลาออกหรือไม่ นายเสนาะกล่าวว่า ไม่มีอะไรกดดัน และได้พูดในทางสร้างสรรค์ว่าต้องดูที่เจตนาแม้กระทั่งศาล จำเลยไปฆ่าคนตายก็ต้องดูที่เจตนาเหมือนกัน โดยส่วนตัวก็ไม่มีอะไร ได้แถลงไปหมดแล้ว ถ้า กกต.มีสามัญสำนึกบ้าง

ผมคงไม่ฟ้องร้อง กกต.ในเรื่องนี้ ก็ถือว่าถึงเวลาได้พักผ่อนเสียที นายเสนาะกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook