ฮิลลารีพบนายกฯ

ฮิลลารีพบนายกฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ถกอาเซียนไร้ปัญหาล็อก5ต้องสงสัยป่วน

ล็อก 5 ผู้ต้องสงสัยหวั่นป่วนอาเซียน หนึ่งในนั้นเป็นแนวร่วมมีหมายจับ พรก. ยึดรถต้องสงสัย 2 คัน หวั่น คาร์บอมบ์ รปภ.เข้ม ฮิลลารี เข้าพบนายกฯ มาร์ค หยอดคำหวาน ไทยเป็นพันธมิตรสำคัญ เชื่อมั่น รบ.แก้ไขปัญหาในประเทศได้ ปัดตอบเรื่อง คุกลับ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยดาหน้าโต้ดะสื่อมะกัน เทพเทือก ให้รวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการฟ้องร้อง ส่วนบรรยากาศถกเวทีอาเซียนวันที่ 3 ราบรื่น ไทยเสนอตัวผลิตวัคซีนสู้หวัด 2009 ส่วนวันที่ 22 ก.ค.เตรียมถก เวที รมต.ตปท.อาเซียนบวก 3 ขับเคลื่อนกองทุนกู้ ศก. 42 ล้านล้านบาท

ภายหลังการเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 42 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกับคู่เจรจา รวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลากูน่า ภูเก็ต ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17-23 ก.ค. ซึ่งนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา มีกำหนดการเดินทางถึงประเทศไทยในวันเดียวกันนี้ เพื่อร่วมเวทีอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในวันที่ 22 ก.ค. ท่ามกลาง กระแสข่าว คุกลับ ในประเทศไทย ที่หนังสือ พิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ปูดข้อมูลว่าเป็นคุกที่ซีไอเอใช้ทรมานเค้นข้อมูลจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

รปภ.เข้มฮิลลารีพบนายกฯ

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 21 ก.ค. ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม. ถึงเรื่องที่จะหารือกับนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ว่า จะมีการหารือ 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ ที่มีมิตรไมตรีที่ดีต่อกันภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในโลกและภูมิภาค ในฐานะที่ไทยเป็นประธานอาเซียน รวมทั้งบทบาทของไทยกับสหรัฐในการช่วยกันดูแลปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของภูมิภาค

ต่อมาเวลา 16.45 น. คณะของนางฮิลลารี ได้เดินทางมาด้วยรถแวนขนาดใหญ่สีขาว 6-7 คัน ซึ่งเป็นรถที่คณะรักษาความปลอดภัยส่วนตัว รมว.ต่างประเทศสหรัฐ นำเข้าจากประเทศสหรัฐ มาถึงทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยฝ่ายไทยได้เตรียมกำลังตำรวจมาดูแลความปลอดภัยรอบทำเนียบรัฐบาล 1 กองร้อย ส่วนในทำเนียบฯ มีตำรวจสันติบาลและชุดปฏิบัติการพิเศษปะฉะดะอีกชุดละ 1 กองร้อย จากนั้นนางฮิลลารีพร้อมบอดี้การ์ดรูปร่างกำยำ ได้เข้าพบกับนายอภิสิทธิ์ที่ห้องประชุมสีงาช้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยทั้งสองฝ่ายใช้เวลาหารือร่วมกันประมาณ 30 นาที

ยกย่องไทยพันธมิตรสำคัญ

เวลา 17.30 น. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางฮิลลารี รมว. ต่างประเทศสหรัฐ ได้ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการหารือ โดยนายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า นาย อภิสิทธิ์ได้ชี้แจงถึงพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ และนโยบายของรัฐบาล โดยรัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางด้านการค้า การลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา และความต่อเนื่องของการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป ของสินค้าส่งออกไทยไปยังตลาดสหรัฐ โดยนายกฯ ยังได้เชิญนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย

ด้านนางฮิลลารี กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและกว้างขวาง รวมทั้งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากรัฐบาลสหรัฐ ว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ในภูมิภาคนี้ โดยเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคนี้ รวมทั้งเชื่อมั่นในแนวทางประชาธิปไตยและรัฐบาลว่าจะสามารถนำพาประเทศกลับไปได้ แม้ว่าจะมีปัญหาภายในประเทศก็ตาม ส่วนประเด็นข่าวที่เกี่ยวกับคุกลับนั้นตนไม่ขอตอบคำถามในเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายปฏิบัติการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวแล้วเสร็จ คณะของนางฮิลลารีได้เดินทางกลับที่พัก โรงแรมคอนราด โดยวันที่ 22 ก.ค. รมว.ต่างประเทศสหรัฐ จะร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-สหรัฐที่ จ.ภูเก็ต และจะลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มาร์คโต้คุกลับ-งงรื้อฟื้น

ส่วนกรณีหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ระบุว่าซีไอเอใช้คุกลับในประเทศไทยรีดข้อมูลจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายนั้น ความคืบหน้าในเช้าวันเดียวกันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมครม. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวว่า ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเพราะนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางมาประเทศไทย เข้าใจ ว่าสื่อพยายามที่จะวิเคราะห์บทบาทของภูมิภาคนี้กับความร่วมมือของสหรัฐในเรื่องปัญหาการก่อการร้าย ก็คงเป็นการเขียนในกรอบซึ่งเป็นเรื่องเก่าและยืนยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว เข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์ประมาณปี 2544-2545 เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวมาเกิดในช่วงที่กำลังมีความพยายามผลักดันกลไกสิทธิมนุษยชนผ่านเวทีประชุมอาเซียน จะมีเรื่องการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ความจริงทุกฝ่ายต่างเข้าใจตรงกันว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว คงต้องไปถามคนเขียนว่าทำไมจึงรื้อฟื้นมาเขียนอีกครั้งในขณะนี้ ยืนยันได้ว่าถึงวันนี้เราไม่มีเรื่องดังกล่าว เรื่องคุกเรื่องทรมานไม่ใช่แนวทางของประเทศไทยอยู่แล้ว และข่าวที่เกิดขึ้นก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซียน

เทพดูข้อมูลเตรียมฟ้องร้อง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวสอดคล้องกันว่า ตนได้ตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นเรื่องจริง ไม่มีคุกลับในประเทศไทย ดังนั้นไม่เข้าใจว่าสื่ทศไทยเอาเหตุการณ์ที่สื่อต่างประเทศลงข่าวมาพูดได้อย่างไร อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่าเราไม่มีคุกลับในประเทศไทย ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาชาวโลก และขณะนี้อยู่ ระหว่างรวบรวมข้อมูลว่าจะฟ้องร้องสื่อที่นำเสนอข่าวลักษณะอย่างนี้ได้หรือไม่ รัฐบาลติดตามการนำเสนอข่าวอย่างนี้ต่อไป เมื่อถามว่า การที่สื่อต่างประเทศออกมาตีข่าวลักษณะเช่นนี้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทยตามยุทธ ศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะระมัดระวังการพูดในเรื่องอะไรที่ไม่แน่ใจ ถ้าแน่ใจเมื่อไหร่จะเรียนให้ทราบ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องคุกลับซีไอเอ ว่า น่าสังเกตว่าข่าวนี้เกิดในช่วงที่นางฮิลลารีเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งจะด้ตรวจสอบว่าเป็นการดิสเครดิตประเทศไทยหรือเป็นเรื่องการเมืองของสหรัฐอเมริกา โดยนายสุเทพได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว

กษิตจี้สอบมั่นใจดิสเครดิต

ด้านนายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีคุกลับซีไอเอในประเทศไทย ว่า คงต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้กรมสารนิเทศตรวจสอบและเผยแพร่ข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเรื่องนี้อาจเป็นการดิสเครดิตประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน

เช่นเดียวกับนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ กล่าว ว่า ไม่มีคุกลับในประเทศไทย ทั้งนี้ขอเวลาให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบว่าสำนักพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ได้ข้อมูลมาจากที่ใด อย่างไรก็ตาม นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ กำชับว่าแม้เรื่องนี้จะไม่มีมูลความจริง แต่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเพียงการดิสเครดิตประเทศไทย

อัดสื่อนอกปล่อยข่าวทุกยุคสมัย

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิ การนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวคุกลับซีไอเอในประเทศไทยว่า ข่าวในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นมาทุกรัฐบาล แม้แต่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีการเผยแพร่ข่าวว่ารัฐบาลไทยอนุญาตให้สหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพลอยน้ำที่อ่าวไทย ซึ่งรัฐบาลขณะนั้นปฏิเสธและทำความเข้าใจกับประเทศต่าง ๆ จากนั้นก็มีลักษณะข่าวทำนองนี้เรื่อยมา แม้กระทั่งยุคของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ตามที อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวล่าสุดเผยแพร่ออกมา ได้ตรวจสอบพบว่าข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นมาปีกว่า ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าในประเทศไทยไม่มีคุกลับทรมานผู้ก่อการร้าย แต่เมื่อมีหลักฐานไปปรากฏในสื่อต่างประเทศ รัฐบาลจะได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป

ลือสะพัดจับ 4 ผู้ก่อการร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัย สามารถจับกุมบุคคลต้องสงสัย เป็นผู้ก่อการร้าย 4 คน ที่ก่อเหตุร้ายในประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมของกลางเป็นระเบิดถังแก๊สที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่เกาะยาว จ.พังงา โดยคาดว่าจะเข้ามาก่อเหตุร้ายในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนฯ ที่ จ.ภูเก็ต จึงตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว

โดยนายอภิสิทธิ์ นายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ภายหลังแถลงผลการประชุม ครม. ว่า ตนเห็นเอสเอ็มเอสว่ามีข่าวลือเรื่องนี้เกิดขึ้นซึ่งตนไม่ขอตอบเรื่องข่าวลือ อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของการประชุมฯ พบว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี

ส่วนนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิ การสมาคมประชาชาติอาเซียน กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า มีการชี้แจงสั้น ๆ ว่า มีความเข้าใจผิดกัน ทั้งนี้ ฝ่ายความมั่นคงพยายามตรวจสอบเพื่อความแน่ใจ เมื่อประเมินสถานการณ์และทำความเข้าใจกันแล้ว พบว่าเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งตนมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมฯ

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม ที่เดินทางมาตรวจสอบความปลอดภัยการประชุมฯ พร้อมนายทหารระดับสูง โดย รมว.กลาโหม ยืนยันว่า ไม่มีการจับกุมกลุ่มผู้ก่อการร้ายหรืออาวุธ ตนไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ สื่อคิดเอาเองหรือไม่ น่าจะเป็นข่าวลือ

ยืนยันหน่วยข่าวล็อก 5 หนุ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อตรวจสอบไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงด้านการข่าวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าก่อนหน้านี้ มีการตั้งชุด ฉก.สืบสวนหาเบาะแสกรณีกลุ่มแนวร่วมขบวนการก่อการร้ายจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เตรียมเดินทางไปยัง จ.ภูเก็ต เพื่อก่อเหตุร้ายในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนฯ โดยแนวร่วมบางส่วนเดินทางออกจากชายแดนภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. จึงวางกำลังสืบหาข้อมูลตั้งแต่ จ.ตรัง สตูล กระบี่ ซึ่งมีเกาะแก่งและมีหมู่บ้านของชาวมุสลิมที่สามารถเดินทางด้วยเรือไปยัง จ.ภูเก็ต ได้สะดวก กระทั่งเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ก.ค. เจ้าหน้าที่ชุด ฉก. ได้ติดตามตัวผู้ต้องสงสัย 5 คน จากหอพักแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองพังงา และติดตามไปจนถึงพื้นที่ ต.เกาะยาว และเข้าควบคุมตัวในฐานะบุคคลต้องสงสัย นำตัวมาสอบประวัติที่ รร.เชิงทะเลวิทยา ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุดปฏิบัติการทางมวลชน

มีหมายจับพ.ร.ก.ความมั่นคง

สำหรับรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวมาสอบประวัติได้แก่ นายไซฟูดิน อาตาบู อายุ 24 ปี อยู่ที่ 55 หมู่ 6 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส มีหมายจับในคดีความมั่นคงของศาลจังหวัดนราธิวาส นายมะหะมัด อายุ 33 ปี ชาว อ.แว้ง จ.นราธิวาส นายมูนีบูรามัน อายุ 28 ปี ชาว อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายแวอูเซ็ง อายุ 21 ปี ชาว อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และนายรุสลัน อายุ 25 ปี ชาว อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

จากการสอบสวนนายรุสลันซึ่งเป็นนักศานในรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน ต.เกาะ ยาว ให้การอ้างว่า เพื่อนทั้ง 4 คน จาก จ.นรา ธิวาส ได้เดินทางมาเยี่ยมและปฏิเสธว่าไม่มีแผนในการเดินทางไปยัง จ.ภูเก็ต แต่อย่างใด ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงควบคุมตัวไปสอบประวัติให้ชัดเจนก่อน หากพบว่าไม่มีหลักฐานในการกระทำความผิดจะปล่อยตัวไป ส่วนนายไซฟูดิน จะส่งตัวให้ ศปก.ตร. รับตัวไปดำเนินคดี

สำหรับในพื้นที่เกาะยาวนั้น หน่วยข่าวความมั่นคงได้สั่งการให้จับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากครั้งหนึ่งนายมะแซ อูเซ็ง แกนนำคนสำคัญของขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนต เคยหลบหนีเจ้าหน้าที่มาหลบซ่อนตัว นอกจากนี้ยังพบว่า หากเดินทางด้วยเรือจากเกาะยาวไป จ.ภูเก็ต จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ผวายึดรถสงสัยคาร์บอมบ์

ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีราย งานข่าวในทำนองเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ในการประชุมผู้นำอาเซียน ได้ควบคุมตัวชายมุสลิมต้องสงสัย 5 คน หลังพบความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังสอบสวน เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยไปขยายผลตรวจสอบที่ลานจอดรถอ่าวปอ พื้นที่หมู่ 6 ต.ปากคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่จอดรถนักท่องเที่ยวซึ่งจะเดินทางไปยังเกาะยาว จ.พังงา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 พบรถยนต์ต้องสงสัยว่าอาจมีสารตั้งต้นวัตถุระเบิด 2 คัน คือ รถกระบะอีซูซุ ทะเบียน ณบ 13xx กรุงเทพ มหานคร และรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ ทะเบียนป้ายแดง อ 98xx กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบแล้วไม่พบสิ่งใดผิดปกติ คาดว่าเป็นคราบดินระเบิดชนิดใดชนิดหนึ่ง จึงตรวจยึดรถทั้งสองคันเอาไว้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ประชุมอาเซียนวันที่3เรียบร้อย

ส่วนบรรยากาศการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 42 รวมทั้งการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลากูน่า ภูเก็ต จ.ภูเก็ต ซึ่งจัดขึ้นเป็นวันที่สามนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการประชุมคณะมนตรีประชาคมการเมือง-ความมั่นคงอาเซียนครั้งที่ 2 การประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ 4 การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนบวก 3 (เกาหลี ญี่ปุ่น จีน) ขณะเดียวกันได้มีการหารือเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศคู่เจรจา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ก.ค. โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ไทยเสนอตัวผลิตวัคซีนหวัด09

ต่อมา ที่โรงแรมลากูนา บีช รีสอร์ท จ.ภูเก็ต นายวิทวัส อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าประเด็นการหารือระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียนบวก 3 (เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน) ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ประกอบด้วย 1.การเร่งรัดผลักดันกองทุนพหุภาคีเพื่อช่วยเหลือประเทศในภูมิภาคที่ประสบปัญหาสภาพคล่องที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 42 ล้านล้านบาท 2.ความร่วมมือกันในภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเน้นการเร่งจัดหาวัคซีนที่ราคาถูกและประชาชนเข้าถึงได้ รวมถึงเพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะจะต้องมีการจัดตั้งศูนย์เพื่อกระจายวัคซีนให้ถึงมือประชาชนอาเซียน ถ้าเกิดเหตุการณ์ระบาดใหญ่ ซึ่งประเทศไทยได้เสนอขอเป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

นายวิทวัส กล่าวอีกว่า 3.ให้มีการสนับ สนุนโครงการความมั่นคงด้านอาหาร ที่ฝ่ายไทยจะเสนอให้อาเซียนจัดตั้งสำนักงานคลังข้าวฉุกเฉินถาวร ซึ่งบริหารโดยประเทศไทยที่จะอาสาเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการผ่านกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยล่าสุด ประเทศจีนและญี่ปุ่นตอบรับที่จะนำข้าวเข้ามาร่วมโครงการนี้ด้วย แต่ในรายละเอียดของการดำเนินการ เช่น การเก็บสต๊อก ระบายข้าว การรับส่งข้าว หรือการหมุนเวียนข้าวไปให้กับประเทศสมาชิกในอาเซียนจะต้องดำเนินการอย่างไรนั้น ต้องมีการหารือกันอีก

4.การจัดตั้งกลไกด้านสิทธิมนุษยชนอาเซียนที่ผ่านการรับรองในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา และ 5.การจัดตั้งกลไกในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทหรือข้อขัดแย้งในการตีความตามข้อตกลงแห่งกฎบัตรอาเซียน อย่างไรก็ตาม การประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค.นี้ ที่ จ.ภูเก็ต มีหัวข้อสำคัญในการหารือคือการผลักดันให้ประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วม ผ่านการสนับสนุนให้องค์กรภาคประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน และรัฐสภาเข้าร่วมหารือกับผู้นำอาเซียนด้วย พร้อมกับจะเน้นการหารือเรื่องการศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook