ศูนย์ข้อมูลยันธุรกิจอสังหาฯทั้งปีลดลงแค่10%

ศูนย์ข้อมูลยันธุรกิจอสังหาฯทั้งปีลดลงแค่10%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.ค.) นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ แม้ว่าจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่โดยภาพรวมแล้วยังคาดว่ายอดขายจะกระเตื้องขึ้นในไตรมาสที่ 4 นี้ หลังจากที่พบกว่า ไตรมาสแรกยอดขายค่อนข้างแย่ ก่อนมาเริ่มดีขึ้นช่วงไตรมาส 2 และ 3 โดยในส่วนกทม.และปริมณฑลคาดว่าจะมียอดขาย 60,000 หน่วย ขณะที่ยอดก่อสร้างแล้วเสร็จมี 70,000 หน่วย ลดลงกว่าปีที่แล้วกว่า 10%

ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการพบว่า รายย่อยประสบปัญหามากกว่ารายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยเฉพาะเรื่องสินเชื่อ เนื่องจากผู้ประกอบการใน ตลท.จะได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้ซื้อและยังได้รับการลดหย่อนภาษี จึงได้เปรียบในแง่การตั้งราคาขาย และเห็นได้ว่าบ้านราคาระดับ 1-3 ล้านบาท ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค นอกจากนี้ การที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ประกาศหลักเกณฑ์บ้านบีโอไอ โดยขยับราคาขายจากไม่เ600,000 บาท เป็นไม่เกิน 1 ล้านบาท จึงได้สิทธิประโยน์ยกเว้นภาษีเงินได้นาน 5 ปี คาดว่าช่วยทำให้ตลาดบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทคึกคักขึ้น และเป็นการดึงดูดให้ผู้ประกอบการสร้างบ้านหรือคอนโดมิเนียมต่าง ๆ ที่กำหนดราคาขาย 1.2-1.3 ล้านบาท อาจลดลงมาเหลือ 1 ล้านบาท นับเป็นผลดีต่อผู้บริโภค

ส่วนกรณีที่รัฐบาลกำลังจัดทำร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว แต่มีข้อเสนอแนะว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังก่อสร้างนั้น น่าจะยกเว้นการจัดเก็บภาษีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะขายอสังหาริมทรัพย์ได้ เพราะยังไม่ชัดเจนว่าระหว่างการก่อสร้าง จะใช้การคำนวณภาษีลักษณะใด โดยตามร่างกฎหมายให้กำหนดว่าหากเป็นที่ดินเชิงพาณิชย์จะเก็บภาษี 0.5% ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยคิด 0.1% ที่ดินเพื่อการเกษตรคิด 0.05% ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังก่อสร้างนั้น หากคิดภาษีเชิงพาณิชย์จะสูงเกินไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการผลักภาระให้ผู้บริโภค

การออกกฎหมายภาษีที่ดินฯ เป็นการหนุนให้เกิดการใช้ที่ดินอย่างเต็มที่ ทำให้ปัญหาการซื้อที่ดินเพื่อการเก็งกำไรหมดไป เพราะราคาที่ดินคงไม่ขยับสูงมากเหมือนในอดีต ขณะเดียวกันท้องถิ่นจะได้รายได้เพิ่มขึ้น และประชาชนจะเสียภาษีอย่างเป็นธรรม

นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม ผู้จัดการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า โดยภาพรวมแล้วกฎหมายดังกล่าวมีข้อดี และเอกชนเห็นด้วย แต่เป็นห่วงเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าใจ เพราะกฎหมายนี้จะทำให้ทุกต้องเสียภาษี เพียงแต่จะแตกต่างกันไปตามการถือครองที่ดิน และมีผลทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ของผู้ประกอบการสูงขึ้นบ้าง เพราะส่วนใหญ่ต้องผลักภาระภาษีไปให้ผู้บริโภค แต่ระยะยาวแล้วจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านและที่ดินมีเสถียรภาพมากขึ้น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook