คลังเกินดุล 300,000 ล้านเดือนมิ.ย.

คลังเกินดุล 300,000 ล้านเดือนมิ.ย.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.ค.) นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมารัฐบาลเกินดุลเงินงบประมาณ 112,952 ล้านบาท เนื่องจากรายได้นำส่งคลังเพิ่มขึ้นมาก จากภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมที่เหลื่อมมาจากเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อดูช่วง 9 เดือนของปีงบประมาณ 52 ที่ผ่านมา รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 386,623 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 9,876 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 376,747 ล้านบาท คิดเป็น 4.3% ของจีดีพี สะท้อนถึงความสำเร็จของการใช้จ่ายของภาครัฐในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และลดการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจในสาขาต่าง ๆ

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลเงินสดด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง รวมทั้งใช้เงินคงคลังบางส่วน ส่งผลให้เงินคงคลังสิ้นเดือนมิ.ย.เท่ากับ 215,343 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงและมั่นคงต่อฐานะการคลัง โดยเดือนมิ.ย. รัฐมีรายได้นำส่งคลัง 252,450 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 44,370 ล้านบาท ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 139,498 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 3,700 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณเกินดุล 112,952 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 8,827 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลเกินดุลเงินสด 104,125 ล้านบาท ซึ่งได้กู้เงินเพื่อการชดเชยการขาดดุลโดยออกพันธบัตร 9,500 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดเกินดุล 113,625 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา รัฐมีรายได้ 1.027 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 104,516 ล้านบาท เนื่องจาก 3 กรมหลักในการจัดเก็บภาษีเก็บได้ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่มีการเบิกจ่าย 1.413 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 193,885 ล้านบาท ทำให้ขาดดุล 376,747 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 386,623 ล้านบาท ส่วนดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุล 9,876 ล้านบาท

ทั้งนี้ รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดภาระดอกเบี้ย จึงได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังรวม 363,030 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 13,717 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง สิ้นเดือนมิ.ย.มี 215,343 ล้านบาท.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook