สหภาพฯใบโพธิ์รุกต่อค้านแยกบริษัท หวั่นโยกสายงานอื่นอีก /เปิดข้อชี้แจง''กรรณิกา''ยืนยันไม่มีนโยบายปลด

สหภาพฯใบโพธิ์รุกต่อค้านแยกบริษัท หวั่นโยกสายงานอื่นอีก /เปิดข้อชี้แจง''กรรณิกา''ยืนยันไม่มีนโยบายปลด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สหภาพแรงงานแบงก์ไทยพาณิชย์เดินหน้าร้องแบงก์ ทบทวนการจัดตั้งบริษัทติดตามหนี้ พาณิชย์ธนพัฒน์ งัดข้อชี้แจง กรรณิกาชี้ในระยะต่อไปอาจโยกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสมของธุรกิจ สมาพันธ์แรงงานธนาคารและการเงินแห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์สนับสนุนไม่ควรเอาเปรียบพนักงาน ด้านผู้บริหารแบงก์ออกโรงย้ำไม่มีนโยบายปลดพนักงาน

หลังจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)ประกาศจัดตั้งบริษัทติดตามหนี้(Collection)ตามมตินโยบายการบริหารธุรกิจแบบ SCB Group โดยยุบรวมหน่วยงานติดตามหนี้และโอนพนักงานทั้งหมดประมาณ 380 คนไปยังบริษัทใหม่ คือ บริษัท พาณิชย์ธนพัฒน์ จำกัด กำหนดเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2552 นั้น

ล่าสุด นายสมศักดิ์ อู่มั่น ประธานสหภาพแรงงาน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ทางสหภาพฯยังเดินหน้าเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้บริหารธนาคาร เพื่อขอความชัดเจนในการจัดหาตำแหน่งงาน สำหรับพนักงานที่ไม่สมัครใจไปทำงานในบริษัทใหม่ เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่กังวลว่าจะไม่มีความมั่นคง โดยในวันเสาร์ที่ 25 ก.ค.นี้ตัวแทนพนักงานจะเดินทางไปวางพวงหรีดหน้าบ้านนายอานันท์ ปันยารชุน นายกกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ ขณะเดียวกันยังแสดงเจตนารมณ์ที่จะทำหนังสือสอบถามไปยังสมาคมธนาคารไทยเกี่ยวกับนโยบายจัดตั้งบริษัทติดตามหนี้ของธนาคารสมาชิกแห่งอื่นๆ

แนวทางการเรียกร้องขอความเป็นธรรมนั้น เป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ธนาคารได้ทำข้อตกลงไว้ก่อนหน้า แต่ที่ผ่านมาทางผู้บริหารไม่ได้ให้ความมั่นใจต่อพนักงาน เพียงแต่ระบุว่าหากใครไม่อยากโอนไปบริษัทใหม่ก็มีทางเลือก ให้เวลา 1เดือนในการหาตำแหน่งงาน แต่หากไม่ได้ก็ต้องออก

นอกจากนี้ ในการชี้แจงและตอบข้อซักถามของพนักงานเมื่อวันที่ 9 ก.ค.นั้น นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ยังได้ระบุถึงเหตุผลที่มีการจัดตั้งบริษัทติดตามหนี้ว่า ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารสุดท้ายที่ดำเนินการช้ากว่าธนาคารขนาดเดียวกัน หลังจาก 3 ปีก่อนธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกกฎว่า การติดตามหนี้จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากลูกค้านั้น ธนาคารจะต้องอธิบายธปท.ถึงต้นทุนของธนาคารได้ หากอยู่ในธนาคารอาจอธิบายไม่หมด ทุกธนาคารจึงเปิดบริษัทขึ้นมา ซึ่งเป็นการจัดตั้งบริษัทเพื่อจัดเก็บค่าใช้จ่ายกับลูกค้าโดยหวังลดต้นทุนและไม่ได้เรียกเก็บในอัตราที่สูงกว่าธนาคารอื่นๆ

อีกทั้ง 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มการเงินมีกฎหมายออกมาเพื่อให้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปมีการโยกย้ายทำได้ง่ายที่สุด คือ สามารถเชื่อมโยงงานกันโดยไม่มีรอยตะเข็บจากสมัยก่อนบริษัทลูกต่างคนต่างทำต่างคนต่างมีผลประโยชน์บางบริษัท ดังนั้นแนวทางที่ธนาคารทำอยู่จะทำให้ไม่ว่าพนักงานธนาคารจะย้ายไปบริษัทใดก็ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนเดิมทุกประการ มีอย่างเดียวที่เปลี่ยนคือ เซ็นชื่อและนามบัตรใหม่เท่านั้น

จริงๆ ควรจะทำเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เราต้องทำเรื่องอื่นให้เสร็จก่อน จึงช้ากว่าคู่แข่ง ซึ่งเราเสียเปรียบคู่แข่งไม่ได้ และนี่ไม่ใช่กลุ่มแรก ต่อไปจะออกเป็นกลุ่มๆ แล้วแต่ความเหมาะสมของธุรกิจ นางกรรณิกากล่าวชี้แจงพนักงาน

จากปัญหาความขัดแย้งในธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา สมาพันธ์แรงงานธนาคารและการเงินแห่งประเทศไทย(สธง.)ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนการเรียกร้องความเป็นธรรมของสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์โดยอ้างว่าการจัดบริษัทติดตามหนี้ขึ้นมาเป็นบริษัทลูกเพื่อช่วยลดต้นทุนธนาคารแต่ไม่ควรจะเอารัดเอาเปรียบพนักงานและลูกค้า ทั้งในแง่ของการโอนย้ายพนักงานไปยังบริษัทใหม่และการผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำของธนาคารให้เป็นภาระของลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริโภค

ขณะที่นางองค์กร อาภากร ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า ขอยืนยันว่าคณะผู้บริหารธนาคารได้รับทราบถึงข้อกังวลใจของพนักงานและมิได้นิ่งนอนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารได้มีการพูดคุยกับพนักงานในข้อกังวลใจ และได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขการโอนย้ายและการจ้างงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้นตามข้อเสนอแนะของพนักงานไปแล้ว อย่างไรก็ตามหากยังมีพนักงานที่มีความไม่สบายใจอยู่ ธนาคารจะพยายามอธิบายและพูดคุยกับพนักงานจนกว่าจะเกิดความเข้าใจที่ดีต่อกัน เนื่องจากพนักงานทุกคนเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน ยังมีความเป็น ไทยพาณิชย์ เช่นเดิม ธนาคารเชื่อว่าจะสามารถพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด

นอกจากนี้ การจัดตั้งบริษัทติดตามหนี้ในครั้งนี้เป็นการรวบรวมความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาไว้ที่จุดเดียวเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารงาน มิได้มีจุดมุ่งหมายที่จะปลดหรือปรับลดพนักงานลงแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ (18 ก.ค.) ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ออกหนังสือชี้แจงกรณีการร้องเรียนของสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ โดยยืนยันว่ามีความตั้งใจจะดูแลพนักงานด้วยความจริงใจ พร้อมกับชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทติดตามทวงหนี้ว่า ธนาคารจะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว 100% โดยจะทำการโอนย้ายพนักงานในหน่วยงานเดิมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการติดตามทวงถามหนี้ไปสังกัดบริษัทใหม่ เพื่อเป็นการรวบรวมความชำนาญเฉพาะด้านไว้ด้วยกัน ให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการติดตามหนี้ ทั้งนี้ พนักงานที่โอนไปยังบริษัทใหม่ ได้รับสิทธิ เงินเดือน สวัสดิการ และผลประโยชน์ต่างๆ เทียบเท่าการเป็นพนักงานธนาคารทุกประการ รวมถึงการนับอายุงานของพนักงานซึ่งจะนับต่อเนื่องจากอายุงานธนาคารด้วย

และในกรณีที่บริษัทใหม่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ของบริษัทได้ หรือมีกรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือครองหุ้นของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ธนาคารจะรับพนักงานซึ่งโอนย้ายไปอยู่บริษัทใหม่ กลับมาปฏิบัติงานกับธนาคารตามตำแหน่งและในหน้าที่งานที่เหมาะสม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook