เปิดแล็บเภสัชศิลปากรโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัด2009 เจ้าแรกในเอเซีย

เปิดแล็บเภสัชศิลปากรโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัด2009 เจ้าแรกในเอเซีย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศิลปากร เปิดห้องปฏิบัติการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัด 2009 ร่วมกับ องค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงวิทยาศาสตร์ คาดเดินเครื่องผลิตไม่เกินปลายปีได้ 2.5 ล้านโดส - เปิดห้องปฏิบัติการตรวจยืนยันเชื้อบริการประชาชนเพื่อความรวดเร็ว ภญ.รศ.ดร.จุไรรัตน์ นันทานิช คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ ผู้รับผิดชอบโครงการ ความร่วมมือในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ร่วมมือกับ องค์การเภสัชกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์ และกระทรวงสาธารณสุข ใช้ห้องปฏิบัติการในอาคารปฎิบัติการการควบคุมและประเมินคุณภาพทางเภสัชศาสตร์และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นโรงงานต้นแบบนำร่องทดลองผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำการทดลองวิจัยเชื้อไวรัสที่องค์การอนามัยโลก (WHO) สนับสนุนขอเชื้อจากไวรัสจากประเทศรัสเซียที่ผ่านการวิเคราะห์เชื้อมากว่า 30 ปี ให้ไทยทำการทดลองและผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 สามารถแจกจ่ายให้ประชาชนได้ทันสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรง

คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้ขั้นตอนการผลิตผ่านการเพาะเชื้อจนกระทั้งนำมาทดลองกับสัตว์แล้ว เหลือแค่การทดลองในคนซึ่งตอนนี้กำลังเปิดรับอาสาสมัครจำนวนกว่า 400 คน จากนั้นรอติดตามผลหาะสบความสำเร็จคาดว่าในปลายปีนี้มีการประเมินไว้ว่าประเทศไทยจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 2.5 ล้านโดสต่อเดือน และจะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่สามารถผลิตวัคซีนใช้เองได้ ซึ่งขณะนี้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนเองเคยประกาศว่าจะผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ 2009 ออกมาในเดือนกันยายนนี้ต้องติดตามต่อไปว่าใครจะประกาศก่อน

ภญ.รศ.ดร.จุไรรัตน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากที่พบปัญหาในการระบาดของเชื้อซึ่งเป็นปัญหามากในการตรวจยืนยันว่ามีเชื้อหวัด 2009 จริงหรือไม่ ซึ่งมีหน่วยงานที่ตรวจวิเคราะห์ คือ กรมวิทยาศาสตร์ สถาบันการแพทย์ของศิริราช,จุฬาลงกรณ์,และรามาธิบดี

คณะเภสัชศิลปากรเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่สามารถตรวจวิเคราะห์ได้เพราะมีเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้ได้เร่งที่จะพัฒนาหน่วยวิเคราะห์นี้ขึ้นมาเพื่อแบ่งเบาภาระหน่วยงานที๋โหลดอยู่ในขณะนี้เป็นการช่วยตรวจยืนยัน ภญ.รศ.ดร.จุไรรัตน์ กล่าว

ภก.ผศ.ดร.วิสิฐ ตั้งเคียงศิริสิน อาจารย์ภาควิชาชีวเภสัชศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดระบบภายในคาดว่า อีก 2 เดือนจะสามารถตรวจยืนยันเชื้อได้ หากใครที่สงสัย มีไข้ ปวดหัว ตัวร้อน สามารถติดต่อผ่านทางโรงพยาบาลหรือหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขในเขตนี้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ส่งมาให้ตรวจยืนยันแต่จม่ได้รับตัวอย่างจากคนไข้โดยตรง

ดร.วิสิฐ กล่าวว่า แต่เดิมการตรวจเชื้อวันเดียวก็สามารถรู้ผลการตรวจแล้วแต่ปัจจุบันต้องรอ 2-3 วันกว่าจะรู้ผล ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ทัน เรื่องการตรวจไปสะดุดเป็นคอขวด กระทรวงสาธารณสุขก็มีนโยบายมาใหม่ว่าไม่ต้องรอผลตรวจหากพบว่าคนไข้มีอาการอยู่ในกลุ่มเสี่ยงให้ยา โอเซลทามิเวียร์ ทันที เมื่อทางคณะเภสัชศาสตร์ ศิลปากรสามารถตรวจยืนยันได้ เป็นการช่วยแบ่งเบาปัญหาเพราะไม่ใช่แค่ว่าส่งตรวจแต่ยังทำให้จำนวนวันตรวจเร็วขึ้น เพราะปัญหาจริงไม่ใช่แค่ว่าการส่งตรวจแต่อยู่ที่การส่งต่อต้องมีช่วงเวลาในการส่งตรวจ หากมีศูนย์เหล่านี้กระจายอยู่ในภูมิภาคจะช่วยแบ่งเบา ได้ ซึ่งทางคณะเภสัชศาสตร์ จะเปิดรับจากโรงพยาบาลในระแวกนี้ สามารถรองรับการตรวจยืนยันได้วันละประมาณ 500 ราย

นอกจากนี้ทางคณะเภสัขศาสตร์ยังผลิตเจลล้างมือฆ่าเชื้อออกจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปหลังจากที่พบว่าขาดตลาดหาซื้อที่ได้ เภสัชศาลา หน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook