รัฐบาลเตรียมปูพรมผ่านสื่อโชว์ผลงาน 27 ก.ค.นี้ ทำหนังสือ 6 เดือน 100 มาตรการ 10 ล้านความสุข

รัฐบาลเตรียมปูพรมผ่านสื่อโชว์ผลงาน 27 ก.ค.นี้ ทำหนังสือ 6 เดือน 100 มาตรการ 10 ล้านความสุข

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
รบ.ปูพรมผลงานผ่านสื่อ27ก.ค.

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการแถลงผลงานของรัฐบาลช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ได้รวบรวมผลการทำงานของรัฐบาล รอบ 6 เดือนเสร็จแล้ว โดยคัดเอาเฉพาะนโยบายเด่นๆ ของรัฐบาลและตัดงานทั่วไปทิ้งทั้งหมด ส่วนการประชาสัมพันธ์เริ่มในวันที่ 27 กรกฎาคม โดยจะใช้คอนเซ็ปท์ ความสุขของคนไทยคือเป้าหมายของรัฐบาล มี 4 ชุด เริ่มจากซื้อพื้นที่นำเสนอปูพรมผ่านหนังสือพิมพ์ก่อน จากนั้นจะทำบิลบอร์ดขนาดใหญ่ แบนเนอร์ติดหน้าบ้านคนทั่วประเทศ จากนั้นจะซื้อเวลาในวิทยุชุมชนคลื่นต่างๆ ด้วยโดยจะเชิญพิธีกรหรือดีเจแต่ละคลื่นมาพูดคุย เพื่อทำความเข้าใจนโยบายของรัฐบาลแล้วให้แต่ละคนไปประกาศในรายการของตัวเอง

ส่วนการทำเอกสารรวบรวมผลงาน 6 เดือนรัฐบาล จะทำหนังสือที่มีชื่อว่า 6 เดือน 100 มาตรการ 10 ล้านความสุข ขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกเป็นฉบับเต็ม จะพิมพ์ประมาณ 10,000 เล่ม เป้าหมายคือแจกให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนอีกชุดเป็นฉบับย่อจะพิมพ์ประมาณ 200,000 ฉบับ ชุดหลังจะใช้ภาษาที่ประชาชนอ่านแล้วเข้าใจง่าย โดยจะนำไปแจกผ่านกองทุนหมู่บ้าน 70,000 กว่าแห่ง หรือนำไปไว้ตามห้องสมุดโรงเรียน มหาวิทยาลัย ธนาคารของรัฐทั่วประเทศ เป็นต้น

ให้นายกฯแถลงตรงวันเกิด

ส่วนการแถลงผลงานรอบ 6 เดือน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะแถลงในวันที่แจกเอกสารให้กับสื่อสารมวลชน ประมาณวันที่ 3 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งนายอภิสิทธิ์จะไม่พูดว่า 6 เดือนที่ผ่านมาทำอะไรอย่างเดียว แต่จะแลไปข้างหน้าเพื่อบอกว่ารัฐบาลจะต้องทำอะไรอีก เพื่อให้คนเห็นว่า รัฐบาลดูแลประชาชนมาแล้ว 6 เดือน มีใครได้ประโยชน์ เงินถึงมือชาวบ้านแล้วเกิดผลอะไร และมีอะไรที่จะต้องทำต่อไปข้างหน้าบ้าง นายสาทิตย์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้รายงานผลการทำงานของรัฐบาลรอบ 6 เดือนฉบับย่อทำสำเร็จแล้ว เป็นเอกสารขนาดเอสี่จำนวนหลายสิบหน้า โดยชูนโยบายสำคัญของรัฐบาลซึ่งผ่านการทำโพลมาแล้วว่าประชาชนให้ความนิยมในลำดับต้นๆ คือ เรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ฯลฯ ส่วนรายงานผลการทำงานของรัฐบาล รอบ 6 เดือน ฉบับเต็มเนื้อหาทั่วไปคล้ายกับรายงานฉบับย่อ เพียงแต่มีรายละเอียดและภาพประกอบมากขึ้น โดยเอกสารทั้ง 2 ฉบับอยู่ระหว่างการจัดพิมพ์

ชี้นักการเมืองครอบขรก.ทำวุ่น

วันเดียวกัน ที่โรงแรมรามาการ์เด้นท์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างมอบนโยบายให้กับปลัดจังหวัดและนายอำเภอจากทั่วประเทศ ในการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ 2552 ว่า ปัญหาความมั่นคงเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ต้นเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเมือง เนื่องจากขณะนี้นักการเมืองภายในประเทศไม่ได้ปฏิบัติตามหลักรัฐศาสตร์และเล่นนอกบท นอกตำรา นอกทฤษฎี จึงสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองหากเราไม่ช่วยกันระงับยับยั้งจะเกิดความเสียหายขนาดไหน ตนเป็นนักการเมืองอาชีพและเห็นว่าการเมืองเปลี่ยนไป พรรคการเมืองก็เปลี่ยนไป ผลที่ตามมาจึงทำให้ความคิดของประชาชนเปลี่ยนตามไปด้วย เราจึงต้องช่วยกันหยุดยั้งไม่ให้ลุกลามต่อไป

วันนี้มีการแบ่งฝ่ายทางการเมืองมากเกินไปและไม่มีขอบเขต นักการเมืองแบ่งฝ่ายกันไม่พอ ยังแบ่งประชาชนเป็นฝ่ายอีกด้วย รวมทั้งมีความพยายามทำให้กระทบกระเทือนถึงสถาบันหลัก ซึ่งไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้มาก่อน คนที่ทำขณะนี้ได้ทำอย่างโจ่งแจ้งและเป็นขบวนการ ผมจึงหวังพึ่งนายอำเภอที่ต้องนำทฤษฎีการปฏิบัติและข้อเท็จจริงมาชี้แจง ซึ่งต้องทำให้รู้เห็นตลอด นายสุเทพกล่าว และว่า ข้าราชการมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลให้สำเร็จตามขอบข่ายหน้าที่ของตน ส่วนนักการเมืองต้องรับผิดชอบกับบ้านเมืองด้วยเช่นกัน ถ้านโยบายออกมาในแนวทางที่ผิด ก็จะไม่มีผล ซึ่งในส่วนนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในการเลือกตั้ง ถ้าประชาชนเห็นว่าไม่เหมาะสมต้องปิดวิกและเปลี่ยนคณะใหม่เข้ามาแสดงต่อ ซึ่งบางยุคบางสมัยเกิดการล้ำเส้นกัน นักการเมืองออกมาครอบงำและล้วงลูกข้าราชการประจำ ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย

ชี้ไม่อยากเห็นสงครามกลางเมือง

นายสุเทพกล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้ประมาณ 5-6 เดือน แต่จะอยู่ได้นานเท่าไรก็ไม่มีใครรู้ ตนจะพยายามไม่ให้ข้าราชการตกอยู่ในอิทธิพลของนักการเมืองและต้องให้นายอำเภอตระหนักไว้ว่า นักการเมืองทั้งหลายอยู่ได้ไม่นาน ถือเป็นวัฏจักรทางการเมือง แต่ข้าราชการประจำยังต้องอยู่ดูแลประเทศต่อไป นอกจากนี้ประเทศยังพบปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งสี ส่วนตัวก่อนหน้านี้เคยมีเสื้อผ้าหลายสี แต่ตอนนี้ต้องทิ้งไปหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น สีน้ำเงิน สีแดงและสีเหลือง หลังจากนี้ไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าจะมีอีกกี่สีที่จะขึ้นมามีบทบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดใจ นายอำเภอจึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นทาสของการแบ่งสี

ขณะนี้พบว่ามีกลุ่มบุคคลบังอาจเข้าไปโจมตีสถาบันหลักของชาติผ่านทางเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ผมกำลังพยายามเข้าไปตรวจสอบอยู่ และทราบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวยังชักชวนเยาวชนไปเข้าค่าย ก่อนที่จะปลูกฝังเรื่องที่ผิดๆ เข้าไป โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีเงินทุนและดำเนินการอย่างเป็นขบวนการ สิ่งเหล่านี้เราสามารถแก้ไขได้ โดยนายอำเภอต้องคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน ทั้งเรื่องจิตวิญญาณทางความคิดของคน รวมถึงความมั่นคงทางความคิดที่ต้องทำให้คนไทยมีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน อาจจะใช้โครงการลูกเสือชาวบ้านมาใช้โดยอาจปรับหลักสูตรใหม่ เน้นให้เกิดความตระหนักว่า เสียงของประชาชนสามารถชี้อนาคตของประเทศได้ นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวเจอมาตั้งแต่การประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา ชลบุรี และเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งต้องบอกว่ายิ่งกว่าหนังฝรั่งหรือหนังของสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก ขณะนั้นถือว่ามีความน่ากลัวจริงๆ ส่วนสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เพราะคนพวกนั้นเข้าใจประชาธิปไตยผิด รวมถึงเห็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนกันไม่ได้ หลังจากนี้จึงต้องปลูกฝังและปกป้องประชาธิปไตย อีกทั้งหลังจากนี้ยังต้องนึกถึงเยาวชนที่ไม่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยและเสี่ยงต่อการถูกครอบงำ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เยาวชนกลุ่มนี้เข้าใจในความคิดที่ถูกต้อง ตนไม่ได้มาพูดแก้ต่างให้กับพรรค แต่ก็ไม่อยากเห็นสงครามกลางเมืองเกิดขึ้น และไม่อยากเห็นคนไทยแบ่งฝ่ายและตีกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook